ตัวอย่างโครงสร้างบัญชี

 

บทความนี้มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

ภาพรวมของบัญชี Analytics 2 บัญชี

แผนภาพต่อไปนี้แสดงการกำหนดค่าบัญชี Analytics ที่เป็นไปได้ 2 แบบ ในที่นี้ Liz มีทั้งบัญชี Analytics ส่วนตัวและบัญชีบริษัทที่แชร์กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งบัญชีบริษัทใช้ติดตามเว็บไซต์ของบริษัท googleanalytics.com

ตารางด้านล่างของตัวอย่างบัญชี Analytics 2 บัญชีแสดงภาพรวมโดยละเอียดของตัวอย่างที่กล่าวถึงในแผนภาพ

ส่วนที่เหลือของเอกสารนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบของการจัดการบัญชี Analytics

คุณต้องมีบัญชี Google เพื่อใช้งาน Analytics

ผลิตภัณฑ์ของ Google ส่วนใหญ่ใช้บัญชี Google ในการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ เช่น Google ปฏิทิน, บล็อกเกอร์ และ Gmail บัญชี Google เป็นระบบการลงชื่อเข้าใช้แบบครบวงจรที่ช่วยมอบประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายขึ้นเมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google เพียงลงชื่อเข้าใช้ครั้งเดียวด้วยบัญชี Google ของคุณ คุณจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google ที่ลงทะเบียนไว้ได้โดยอัตโนมัติ การลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ต้องใช้ข้อมูลดังนี้

  • อีเมล: โดยทั่วไปจะอยู่ในรูปของ username@gmail.com เช่น Liz ลงชื่อเข้าใช้ Analytics ด้วยอีเมล liz@gmail.com
  • รหัสผ่าน: เมื่อ Liz ลงชื่อเข้าใช้ Gmail ด้วยอีเมลและรหัสผ่าน เท่ากับว่า Liz ได้ลงชื่อเข้าใช้อินเทอร์เฟซเว็บของ Analytics โดยอัตโนมัติ และไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้เป็นครั้งที่ 2 เพื่อดูรายงาน

นอกจากนี้ Analytics ยังใช้บัญชี Google ในการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ด้วย ตัวอย่างในภาพรวมข้างต้นใช้ชื่อผู้ใช้สมมติ เช่น Liz, Jim และ Sue เพื่อแสดงตัวอย่างชื่อผู้ใช้สำหรับบัญชี Google

คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลและรหัสผ่านของบัญชี Google ที่ลงทะเบียนไว้เพื่อใช้ Analytics หากคุณไม่มีบัญชี Google ให้สร้างบัญชี Google ของคุณตอนนี้ได้เลย การมีบัญชี Google ไม่ได้ให้สิทธิ์คุณเข้าถึง Analytics โดยอัตโนมัติ คุณต้องลงทะเบียนกับ Analytics ด้วย ซึ่งเป็นกระบวนการง่ายๆ ที่ทำเพียงครั้งเดียว

คุณจะสามารถเข้าถึงรายงานของ Analytics ได้โดยใช้ที่อยู่อีเมลของบัญชี Google ที่ถูกต้องเท่านั้น คุณไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ Analytics ด้วยอีเมลที่โฮสต์โดย Google Workspace

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชี Google โปรดดูศูนย์ช่วยเหลือของบัญชี Google

บัญชี Analytics

บัญชี Analytics เป็นวิธีตั้งชื่อและจัดระเบียบวิธีการที่คุณติดตามพร็อพเพอร์ตี้หนึ่งหรือหลายรายการ (เช่น เว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ อุปกรณ์ ณ จุดขาย) โดยใช้ Analytics ผู้ใช้ Analytics แต่ละรายจะมีสิทธิ์เข้าถึงบัญชีอย่างน้อยหนึ่งบัญชี อาจเป็นบัญชีที่สร้างด้วยตัวเอง หรือบัญชีที่ได้รับสิทธิ์เข้าถึงจากคนอื่นก็ได้ ในบัญชี Analytics แต่ละบัญชี จะมีการติดตามพร็อพเพอร์ตี้ (เช่น เว็บไซต์) อย่างน้อยหนึ่งรายการ ดังที่แสดงด้านบน บัญชี Analytics สามารถใช้ในการติดตามพร็อพเพอร์ตี้เดียวหรือพร็อพเพอร์ตี้ที่ไม่ซ้ำหลายพร็อพเพอร์ตี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน

เว็บพร็อพเพอร์ตี้หนึ่งๆ ควรจะได้รับการติดตามในบัญชี Analytics เดียวเท่านั้น ไม่แนะนำให้ติดตามเว็บพร็อพเพอร์ตี้เดียวในบัญชี Analytics หลายบัญชี

คุณไม่จำเป็นต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Analytics ที่คุณมีสิทธิ์เข้าถึงแต่ละบัญชีแยกกัน ในตัวอย่างด้านบน Liz ลงชื่อเข้าใช้ Analytics ด้วยที่อยู่อีเมลสำหรับบัญชี Google ของเธอ (liz@gmail.com) จากนั้นเธอสามารถเลือกบัญชี Analytics ที่มีสิทธิ์เข้าถึงได้เลย

โครงสร้างบัญชี Analytics

หากคุณกำลังใช้ Analytics ติดตามเว็บไซต์เดียว โครงสร้างบัญชีก็จะไม่ซับซ้อนโดยมีเพียงบัญชีเดียวสำหรับเว็บไซต์ของคุณ โปรดคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้เมื่อสร้างบัญชี Analytics เพื่อจัดการหลายเว็บไซต์

  • บัญชี Analytics แต่ละบัญชีมีพร็อพเพอร์ตี้ได้สูงสุด 2,000 รายการ และแต่ละพร็อพเพอร์ตี้มีข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ได้สูงสุด 25 รายการ โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายสนับสนุนของคุณหากต้องการใช้พร็อพเพอร์ตี้หรือข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เพิ่ม
  • คุณสามารถให้สิทธิ์การดูแก่ผู้ใช้ (จัดการผู้ใช้ แก้ไข ทำงานร่วมกัน อ่าน และวิเคราะห์) ได้ในส่วนต่อไปนี้
    • บัญชี Analytics
    • พร็อพเพอร์ตี้ที่อยู่ภายใต้บัญชี Analytics
    • ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่อยู่ภายใต้พร็อพเพอร์ตี้

ด้วยข้อกำหนดดังกล่าว ให้ลองพิจารณาวิธีการใช้บัญชี Analytics โดยทั่วไปดังต่อไปนี้

  • ติดตามพร็อพเพอร์ตี้ทั้งหมดที่เป็นของบุคคลหรือองค์กรเดียว

    ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีบัญชี Analytics ที่ชื่อ "บัญชีส่วนตัวของฉัน" สำหรับเว็บพร็อพเพอร์ตี้ส่วนตัวของคุณ ในบัญชีนี้ คุณจะติดตามเว็บไซต์ส่วนตัวและบล็อกของคุณซึ่งเป็นพร็อพเพอร์ตี้ที่แยกกัน ในกรณีนี้ คุณจะต้องใช้ข้อมูลโค้ดติดตามอันหนึ่งบนหน้าเว็บไซต์ และอีกอันหนึ่งบนบล็อก

    และคุณอาจสร้างบัญชี Analytics สำหรับกลุ่มหรือผู้ถือหุ้นที่แตกต่างกันด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณจัดการการติดตาม Analytics ให้กับ 2 บริษัท คุณจะต้องสร้างบัญชี Analytics แยกกันสำหรับเว็บไซต์ของแต่ละบริษัท เนื่องจากคุณอาจต้องให้สิทธิ์การเข้าถึงระดับผู้ดูแลระบบแก่บุคลากรในแต่ละบริษัท คุณจึงไม่อยากเปิดเผยข้อมูลการรายงานที่เป็นความลับระหว่างบริษัททั้งสอง ดังนั้นคุณจึงควรติดตามเว็บไซต์ของบริษัทที่แตกต่างกันโดยแยกบัญชีกัน

  • ติดตามพร็อพเพอร์ตี้เดียว

    โดยค่าเริ่มต้น บัญชี Analytics ออกแบบมาเพื่อติดตามพร็อพเพอร์ตี้อย่างน้อยหนึ่งรายการ อย่างไรก็ตาม การสร้างบัญชี Analytics ด้วยวิธีนี้ก็อาจเหมาะสมในกรณีที่คุณกำลังติดตามไซต์/แอปที่มีขนาดใหญ่และมีผู้มีส่วนร่วมที่สนใจจะดูรายงานเกี่ยวกับพร็อพเพอร์ตี้นั้นเป็นจำนวนมาก เมื่อใช้วิธีนี้ การรวบรวมข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ทั้งหมดภายในบัญชีจะสอดคล้องกับพร็อเพอร์ตี้เดียวกัน

    ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณเป็นผู้ดูแลระบบของ example.com ซึ่งมีไดเรกทอรีย่อยจำนวนมาก หากแต่ละแผนกต้องการติดตามไซต์/แอปในส่วนของตัวเองแยกกันอย่างอิสระ คุณสามารถสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้การรายงานที่ไม่ซ้ำกันภายในบัญชีซึ่งรวมเฉพาะข้อมูลจากแผนกที่ต้องการเท่านั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ ให้คุณติดตั้งโค้ดติดตามสำหรับไซต์/แอปเพียงครั้งเดียว แล้วให้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้และตัวกรองของข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้นั้นๆ จัดการค่าที่แตกต่างกันในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานเอง

รหัสบัญชี Analytics

เมื่อคุณสร้างบัญชีใน Analytics บัญชีจะได้รับรหัสที่ไม่ซ้ำกัน รหัสนี้เป็นส่วนหนึ่งของโค้ดติดตามที่แทรกในซอร์สโค้ดสําหรับเว็บไซต์หรือแอป เช่น หากโค้ดติดตามสําหรับเว็บไซต์ใช้รหัสพร็อพเพอร์ตี้ UA-10876-1 รหัสบัญชีก็คือตัวเลข 10876 ที่อยู่ตรงกลาง

พร็อพเพอร์ตี้ Analytics

 

พร็อพเพอร์ตี้คือเว็บไซต์ แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์ (เช่น คีออสก์หรืออุปกรณ์ ณ จุดขาย) แต่ละบัญชีมีพร็อพเพอร์ตี้ได้มากกว่า 1 รายการ

พร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานจะมีรหัสที่ไม่ซ้ำซึ่งเป็นชุดค่าผสมระหว่างรหัสบัญชีกับตัวเลขอื่นๆ อยู่ในโค้ดติดตาม Analytics รหัสพร็อพเพอร์ตี้นี้จะลิงก์พร็อพเพอร์ตี้กับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ตั้งแต่ 1 รายการขึ้นไปในบัญชี Analytics คุณสามารถดูรหัสได้ในส่วนผู้ดูแลระบบของ Analytics หรือโดยการค้นหา UA- ในซอร์สโค้ดของหน้าเว็บหรือแอป สำหรับรหัสพร็อพเพอร์ตี้ UA-10876-1:

  • 10876 คือหมายเลขบัญชี
  • 1 คือพร็อพเพอร์ตี้ภายในบัญชี ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่ 2 สำหรับบัญชีเดียวกันที่ติดตามพร็อพเพอร์ตี้อื่นๆ เพิ่มเติมอาจใช้รหัสพร็อพเพอร์ตี้เป็น UA-10876-2

ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ Analytics

ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับบัญชี Analytics เป็นเหมือนประตูสู่รายงาน เพราะบอกได้ว่าข้อมูลใดบ้างจากพร็อพเพอร์ตี้ของคุณที่จะปรากฏในรายงาน เมื่อพูดถึงข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้และวิธีการทำงาน ข้อมูลสำคัญอย่างแรกคือ Analytics สามารถติดตามพร็อพเพอร์ตี้รายการเดียว หรือติดตามพร็อพเพอร์ตี้อิสระหลายรายการก็ได้ ดังที่อธิบายไว้ในภาพรวมข้างต้น

คุณสามารถสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ได้มากกว่า 1 รายการ และใช้ตัวกรองเพื่อให้ได้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงานที่ไม่ซ้ำกันในพร็อพเพอร์ตี้ดังกล่าวได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำหนดค่าข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ โปรดดูการสร้าง/จัดการตัวกรองข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้

ใช้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบ

เมื่อตั้งค่าการติดตามในบัญชี Analytics แนวทางที่ดีที่สุดคือการสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แรกของพร็อพเพอร์ตี้ขึ้นมา และกำหนดให้เป็นข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบ ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบไม่ควรมีตัวกรองสำหรับยกเว้นหรือรวมส่วนต่างๆ ของข้อมูลจากไซต์/แอปที่กำลังติดตามอยู่ เมื่อทำเช่นนี้ คุณจะได้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ซึ่งมีข้อมูลที่ผ่านมาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มการติดตาม

หากคุณไม่สร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบ แต่ใช้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่มีตัวกรองซึ่งยกเว้นข้อมูลบางส่วนของเว็บไซต์ คุณจะไม่มีข้อมูลใดๆ เลยสำหรับส่วนที่ยกเว้นนั้น ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณสนใจที่จะติดตามผู้ใช้ที่เข้าชมไซต์ของคุณจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก หากคุณสร้างตัวกรองในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เดียวให้รวมเฉพาะการเข้าชมจากสหรัฐฯ เท่านั้น คุณจะไม่สามารถดูข้อมูลจำนวนหน้าที่มีการเปิดสำหรับการเข้าชมจากที่อื่นนอกจากสหรัฐฯ ได้

หากคุณต้องการข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่มีการกรอง เราแนะนำให้สร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ 2 ประเภท ประเภทหนึ่งเอาไว้ติดตามทุกส่วนของไซต์/แอป และอีกประเภทหนึ่งเอาไว้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะโดยการยกเว้นข้อมูลบางอย่าง ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบควรจะเป็นข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แรกที่คุณสร้างให้กับไซต์

ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้กับข้อมูลที่ผ่านมา

เมื่อคุณสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับเว็บไซต์ การติดตามข้อมูลจะเริ่มขึ้นทันทีที่ติดตั้งโค้ดติดตามบนเว็บไซต์และเบราว์เซอร์ของผู้ใช้โหลดหน้าเว็บ เมื่อคุณมีข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่ทำงานสำหรับเว็บไซต์ปัจจุบันอยู่แล้ว และเพิ่มข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ใหม่ภายหลัง ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่เพิ่มเข้ามาจะไม่มีข้อมูลเก่าแบบที่คุณเห็นในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าในเดือนมิถุนายนปี 2009 คุณสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่ไม่มีการกรองให้กับเว็บไซต์ของคุณเพื่อติดตามการเข้าชมไซต์ทั้งหมด จากนั้นในเดือนกันยายนปี 2009 คุณสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เพิ่มเติมที่ชื่อ "การขาย" ซึ่งจะรวบรวมเฉพาะข้อมูลจากไดเรกทอรี /sales ของเว็บไซต์เท่านั้น หากผู้ใช้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ "การขาย" พยายามจะเรียกข้อมูลรายงานในเดือนกรกฎาคมปี 2009 พวกเขาจะไม่เห็นข้อมูลในช่วงเวลาดังกล่าว ข้อมูลดังกล่าวมีอยู่ในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แรกที่สร้างไว้ แต่ไม่สามารถคัดลอกมาใส่ไว้ในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ "การขาย" ได้

ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่มีการกรอง

การที่พร็อพเพอร์ตี้ 1 รายการมีข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้หลายๆ รายการนั้นมักจะมีประโยชน์ เนื่องจากข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แต่ละรายการสามารถใช้ตัวกรองเพื่อรวมหรือยกเว้นข้อมูลในประเภทที่ต้องการได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่มีการกรองเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาได้รับการติดตามเฉพาะบนโดเมนที่ต้องการ เพื่อยกเว้นการเข้าชมบางอย่างจากรายงาน (เช่น การเข้าชมภายใน) หรือเพื่อแทนที่พารามิเตอร์การค้นหาหน้าเว็บที่อ่านยากด้วย URI หน้าเว็บที่เข้าใจง่ายกว่า โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของตัวกรองที่สามารถใช้ได้กับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ และวิธีตั้งค่าตัวกรองได้ในหัวข้อเกี่ยวกับตัวกรองข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้

คุณไม่จำเป็นต้องสร้างข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เพื่อดูบางส่วนของเว็บไซต์ หรือเพื่อให้ผู้ใช้บัญชีของคุณดูรายงานได้สะดวกขึ้นเพียงอย่างเดียว เว้นแต่ว่าต้องการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้ผ่านทางข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับการรายงาน ในหลายๆ กรณี ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้หลักและใช้เมนูเจาะลึกเนื้อหาเพื่อไปยังส่วนของเว็บไซต์/แอปของตนได้อยู่แล้ว และเมื่อเข้าไปยังส่วนดังกล่าวแล้วก็สามารถใช้ตัวกรองกลุ่มเพื่อกรองเฉพาะข้อมูลที่ต้องการเท่านั้น หรือจะใช้เป็นวิธีเปรียบเทียบเมตริกวัดหน้าเว็บ/หน้าจอชุดหนึ่งเทียบกับทั้งเว็บไซต์/แอปก็ได้

การแชร์รายงาน Analytics

คุณแชร์รายงาน Analytics กับผู้ที่มีบัญชี Google ได้ ผู้ใช้ที่ต้องการดูรายงานของคุณต้องเปิดใช้สิทธิ์การเข้าถึง Analytics สำหรับบัญชี Google ของตัวเองก่อน (โปรดดูข้อมูลที่ google.com/analytics)

เมื่อคุณแชร์รายงานกับคนอื่น คุณสามารถควบคุมได้ว่าต้องการให้พวกเขาเข้าถึงรายงานไหนได้บ้าง โดยการให้สิทธิ์เข้าถึงเฉพาะบัญชีใดบัญชีหนึ่งที่จัดเก็บรายงานที่คุณต้องการจะแชร์ เมื่อผู้ใช้มีสิทธิ์เข้าถึงบัญชีของคุณ คุณยังสามารถควบคุมข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่พวกเขาเข้าถึงได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการให้เพื่อนร่วมงานดูรายงาน Analytics สำหรับแกดเจ็ตของคุณ แต่ไม่ให้ดูรายงานสำหรับบล็อกหรือเว็บไซต์ คุณสามารถให้สิทธิ์การเข้าถึงบัญชี จากนั้นจึงให้สิทธิ์เข้าถึงได้เฉพาะข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่คุณตั้งค่าให้ติดตามแกดเจ็ตเท่านั้น

เมื่อเพื่อนร่วมงานของคุณมีสิทธิ์เข้าถึงรายงาน ชื่อบัญชีจะปรากฏเป็นรายการแยกต่างหากในเมนูแบบเลื่อนลง "บัญชี" ของอินเทอร์เฟซผู้ดูแลระบบ หลังจากที่คุณเลือกบัญชีจากเมนูดังกล่าวแล้ว เพื่อนร่วมงานจะเห็นเฉพาะข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่คุณให้สิทธิ์เข้าถึงเท่านั้น ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถควบคุมการเข้าถึงรายงาน Analytics ได้หลายระดับ และเป็นเรื่องปกติที่ผู้ใช้ Analytics จะมีสิทธิ์เข้าถึงบัญชี Analytics ได้หลายบัญชี ทั้งของตัวเองและของคนอื่น

ตัวอย่างบัญชี Analytics 2 บัญชี

ตารางนี้แสดงรายละเอียดสถานการณ์จำลองสำหรับภาพรวมของบัญชี Analytics 2 บัญชีที่กล่าวถึงข้างต้น
ชื่อบัญชี ชื่อข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ URL รหัสพร็อพเพอร์ตี้ คำอธิบาย
บัญชีส่วนตัวของฉัน บล็อกของฉัน example.blogspot.com UA-18988-2

บล็อกส่วนตัวเป็นหนึ่งในเว็บพร็อพเพอร์ตี้ที่ Liz ติดตามบน Analytics Liz ต้องการเพียงข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้เดียวสำหรับพร็อพเพอร์ตี้นี้ นั่นคือบล็อกของฉัน โค้ดติดตามสำหรับบล็อกของเธอประกอบด้วยรหัสเว็บพร็อพเพอร์ตี้ และรหัสนั้นแสดงความเชื่อมโยงระหว่างบล็อกของเธอกับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ใดๆ ก็ตามที่ติดตาม Liz เลือกข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้บล็อกของฉันเพื่อดูรายงานสำหรับบล็อก

รายงานสำหรับบล็อกของฉันจะแสดงเฉพาะการเข้าชมของผู้ใช้ใน example.blogspot.com เท่านั้น แต่จะไม่รวมกิจกรรมในส่วนอื่นๆ ของ blogspot.com ไว้ในรายงานนี้ ดังนั้นระบบจะรายงานผู้ใช้ที่มาจาก www.blogspot.com แล้วเข้าชม example.blogspot.com เป็นการเข้าชมที่อ้างอิงจากภายนอก และรายงานผู้ใช้ที่ออกจาก example.blogspot.com ไปเข้าชมบล็อกอื่นบน blogspot.com เป็นการออกจากเว็บไซต์

  เว็บไซต์ของฉัน www.example.com UA-18988-1

Liz มีเว็บไซต์ที่ 2 ซึ่งมีโดเมนที่ไม่ซ้ำกับบล็อก Liz ต้องการแยกรายงานการติดตามสำหรับแต่ละพร็อพเพอร์ตี้ ดังนั้นเว็บไซต์จึงมีรหัสพื้นที่เว็บที่ไม่ซ้ำกัน โค้ดติดตามสำหรับเว็บไซต์จึงใช้รหัสนี้ และรหัสนี้มีความเชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์และข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ที่ชื่อว่าเว็บไซต์ของฉัน

ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้นี้ไม่ได้รับการกรอง ดังนั้นรายงานจึงแสดงการเข้าชมจากผู้ใช้ทั้งหมดใน www.example.com และระบบจะติดตามผู้ใช้ที่ออกจากเว็บไซต์ของ Liz ไปยังบล็อกเป็นการออกจากเว็บไซต์ เนื่องจากพร็อพเพอร์ตี้เหล่านี้ไม่ได้มีรหัสพื้นที่เว็บเดียวกันและไม่ได้ลิงก์เข้าด้วยกัน

  แกดเจ็ตของฉัน 84632.gmodules.com UA-18988-3

นอกจากบล็อกและเว็บไซต์แล้ว Liz ยังมีแกดเจ็ตที่เธออยากติดตามด้วย แกดเจ็ตนี้โฮสต์อยู่บนโดเมน gmodules.com ภายใต้โดเมนย่อยที่ไม่ซ้ำกัน และใช้รหัสพื้นที่เว็บที่ไม่เหมือนกัน ระบบจะรายงานเฉพาะกิจกรรมบนแกดเจ็ตในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แกดเจ็ตของฉันเท่านั้น เช่นเดียวกับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้อื่นๆ

บัญชีทีมของฉัน ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบ googleanalytics.com UA-10876-1

Liz มีสิทธิ์เข้าถึงบัญชี Analytics ที่ชื่อบัญชีทีมของฉันร่วมกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ เช่นเดียวกับเว็บไซต์ รหัสพร็อพเพอร์ตี้จะเป็นส่วนหนึ่งของโค้ดติดตามที่ติดตั้งบนหน้าเว็บไซต์

ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้นี้เป็นข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบ ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลการเข้าชมจากผู้ใช้ทั้งหมดสำหรับทุกส่วนของเว็บไซต์ googleanalytics.com เนื่องจากเป็นข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบ จึงไม่มีตัวกรองที่ยกเว้นข้อมูล จึงทำให้ระบบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดสำหรับไซต์ และในฐานะที่เป็นข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้แรก จึงมีบันทึกข้อมูลการเข้าชมที่ผ่านมานับตั้งแต่ติดตั้งโค้ดติดตาม

เนื่องจากผู้ใช้บัญชีแต่ละรายสามารถจำกัดการเข้าถึงข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ได้ จึงมีเฉพาะ Sue เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึงรายงานที่มีข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบอยู่ สมาชิกของทีมฝ่ายขายและการตลาดไม่สามารถดูรายงานในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้นี้ได้เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับสิทธิ์การเข้าถึงดังกล่าว

  การขาย googleanalytics.com/sales UA-10876-1

ในบัญชีนี้ ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้การขายติดตามพร็อพเพอร์ตี้เดียวกันกับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบ นั่นคือเว็บไซต์ googleanalytics.com ด้วยเหตุนี้ จึงใช้รหัสพร็อพเพอร์ตี้เดียวกันกับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ต้นแบบ แต่ต่างจากข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้หลักตรงที่ใช้ตัวกรองพิเศษเพื่อรวมเฉพาะการเข้าชมในส่วนการขายของเว็บไซต์ googleanalytics.com/sales เท่านั้น

กิจกรรมของผู้ใช้ในส่วนอื่นๆ ของเว็บไซต์จะถือเป็นกิจกรรม "ภายนอก" เว็บไซต์ตามการกำหนดค่าของข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ เช่น การดูหน้าเว็บทั้งหมดจะเป็นจำนวนรวมเฉพาะส่วนนี้ของเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ใช่สำหรับเว็บไซต์ googleanalytics.com ทั้งหมด และระบบจะคำนวณเวลาบนหน้าเว็บและเวลาบนเว็บไซต์เฉพาะหน้าเว็บที่ติดตามเท่านั้น

ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้นี้มีแค่ Sue และสมาชิกของทีมฝ่ายขายเท่านั้น ซึ่งรวมถึง Liz และ Jim ด้วย

  การตลาด googleanalytics.com/marketing UA-10876-1 ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้การตลาดจะติดตามเว็บไซต์ googleanalytics.com เช่นเดียวกับข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้การขาย แต่ตัวกรองจะรวมเฉพาะการเข้าชมในส่วน googleanalytics.com/marketing เท่านั้น ในตัวอย่างนี้ เฉพาะ Sue และ Jim เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึงรายงานในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้การตลาด

ลำดับชั้นของบัญชี ผู้ใช้ พร็อพเพอร์ตี้ และข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
เลือกเส้นทางการเรียนรู้ของคุณเอง

โปรดไปที่ google.com/analytics/learn ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจาก Google Analytics 4 เว็บไซต์ใหม่นี้มีทั้งวิดีโอ บทความ และขั้นตอนพร้อมคำแนะนำ รวมถึงลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ Google Analytics เช่น Discord, บล็อก, ช่อง YouTube ตลอดจนที่เก็บ GitHub

เริ่มเรียนรู้วันนี้เลย

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
14760737875500365134
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
69256
false
false