การนำเข้าข้อมูลเมตาของเนื้อหา เช่น ผู้แต่ง วันที่เผยแพร่ หรือหมวดหมู่บทความ จะช่วยให้คุณสามารถจัดกลุ่มเนื้อหาตามมิติข้อมูลเหล่านี้ได้
ในบทความนี้ประกอบด้วย:สถานการณ์จำลอง
คุณเป็นผู้เผยแพร่เนื้อหาออนไลน์และคุณอยากรู้ว่าผู้แต่งคนใดบนไซต์ของคุณได้รับความนิยมมากที่สุด ในการวัดความนิยม คุณจะต้องสร้างรายงานที่แสดงผลรวมจำนวนหน้าที่มีการเปิดของบทความของผู้แต่งแต่ละคน
ขั้นตอนที่ 1: ตัดสินใจว่าจะนำเข้าข้อมูลใด
คุณเก็บไฟล์ข้อมูลไว้นอก Analytics ซึ่งไฟล์นี้เชื่อมโยงกับบทความแต่ละบทความพร้อมทั้งผู้แต่ง และคุณวางแผนที่จะอัปโหลดข้อมูลนี้เข้าสู่ Analytics
ขั้นตอนที่ 2: สร้างมิติข้อมูลที่กำหนดเอง
เนื่องจากไม่มีมิติข้อมูล "ผู้แต่ง" อยู่ใน Analytics คุณจะต้องสร้างเป็นมิติข้อมูลที่กำหนดเอง
ชื่อมิติข้อมูลที่กำหนดเอง | ดัชนี | ขอบเขต |
---|---|---|
ผู้แต่ง | 1 | Hit |
ขั้นตอนที่ 3: สร้างชุดข้อมูล
- ในผู้ดูแลระบบ ไปที่บัญชีและเว็บพร็อพเพอร์ตี้ที่คุณต้องการอัปโหลดข้อมูล
- คลิกการนำเข้าข้อมูลใต้พร็อพเพอร์ตี้
- คลิกชุดข้อมูลใหม่
- เลือกประเภทเป็นข้อมูลเนื้อหา
- ตั้งชื่อชุดข้อมูลว่าผู้แต่งและบทความ
- เลือกข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้อย่างน้อย 1 รายการที่คุณต้องการดูข้อมูลนี้
- กำหนดสคีมาโดยใช้ตัวอย่างด้านล่างเป็นต้นแบบ
ตัวอย่างสคีมา
ถึงแม้คุณจะไม่ได้ส่งรหัสบทความอย่างเห็นได้ชัดในข้อมูล Hit แต่คุณก็รวมรหัสบทความอยู่ใน URL หน้าเว็บ ในกรณีนี้จะถือว่า URL ของหน้าบทความได้รับการจัดรูปแบบเหมือนกัน คุณสามารถใช้นิพจน์ทั่วไปเพื่อจับคู่ส่วน article_id ของ URL นั้น สมมติว่า URL ของหน้าบทความมีการจัดรูปแบบเหมือนกันเป็น http://www.example.com/articles/abc123.html
โดยที่ abc123
คือ article_id ในการผูกข้อมูลกับ article_id จาก URL คุณจะต้องเลือกคีย์เป็นหน้า เลือกการปรับแต่งนิพจน์ทั่วไป แล้วป้อนนิพจน์ทั่วไป /articles/([^/]+).html$
ลงในช่องข้อความ
ตั้งค่าสคีมาดังนี้
คีย์: หน้าปรับแต่งด้วยนิพจน์ทั่วไป: /articles/([^/]+).html$
ข้อมูลที่นำเข้า: ผู้แต่ง
การเขียนทับข้อมูล Hit: ใช่
การแยกพารามิเตอร์ URL
มีการจัดการพิเศษสำหรับการดึงข้อมูลพารามิเตอร์การสืบค้น URL เช่น ?param=value
ใน URL http://www.example.com/articles/abc123.php?param=value
param
ให้เลือกคีย์เป็นหน้า แล้วเลือกตัวเลือกปรับแต่งด้วยพารามิเตอร์การค้นหา และพิมพ์ "param" ลงในช่องข้อความ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการแยก UTM ID ที่รวมอยู่ใน URL ของหน้า เป็น ?utm_id=abc123 คุณจะต้องเลือกตัวเลือกปรับแต่งด้วยพารามิเตอร์การค้นหา แล้วป้อน "utm_id" ลงในช่องข้อความ
ขั้นตอนที่ 4: สร้างไฟล์ CSV
การสร้างไฟล์ CSV ที่อัปโหลดประกอบด้วย 2 ขั้นตอน ได้แก่
1. รับข้อมูลส่วนหัวของไฟล์ CSV
ในตารางชุดข้อมูล คลิกจัดการการอัปโหลดสำหรับผู้แต่งและบทความ ในตารางจัดการการอัปโหลด คลิกเลือกการทำงาน > แสดงส่วนหัว CSV คุณจะเห็นข้อมูลที่มีลักษณะคล้ายด้านล่าง
ส่วนหัว CSV ga:pagePath,ga:dimension1
คุณควรใช้ส่วนหัวนี้เป็นบรรทัดแรกของไฟล์ CSV ที่อัปโหลด ตารางต่อไปนี้จะระบุคอลัมน์ต่างๆ
หน้า | ผู้แต่ง |
---|---|
ga:pagePath | ga:dimension1 |
2. สร้างสเปรดชีตและส่งออกเป็นไฟล์ CSV
สร้าง Google สเปรดชีตที่ทำตามรูปแบบข้างต้น แถวแรก (ส่วนหัว) ในสเปรดชีตของคุณควรจะใช้ชื่อมิติข้อมูลภายใน (เช่น ga:pagePath
แทนหน้าเว็บ) ที่ระบุไว้ในกล่องโต้ตอบแสดงส่วนหัว CSV ที่แสดงไว้ข้างต้น คอลัมน์ที่อยู่ใต้ส่วนหัวแต่ละรายการควรมีข้อมูลของส่วนหัวนั้นๆ
ga:pagePath | ga:dimension1 |
---|---|
how_to_make_pizza | John Dough |
how_to_make_doughnuts | Benny Cruller |
how_to_build_a_treehouse | Oona Limb |
how_to_make_paper_airplanes | Hellen Wings |
ส่งออกสเปรดชีตเป็นไฟล์ CSV ไฟล์ของคุณจะมีลักษณะดังนี้
ga:pagePath,ga:dimension1
how_to_make_pizza,John Dough
how_to_make_doughnuts,Benny Cruller
how_to_build_a_treehouse,Oona Limb
how_to_make_paper_airplanes,Hellen Wings
ขั้นตอนที่ 5: อัปโหลดข้อมูล
ตอนนี้คุณสามารถอัปโหลดไฟล์ CSV ที่คุณสร้างไปยัง Analytics ได้แล้ว คุณมี 2 ตัวเลือกในการอัปโหลดข้อมูล ได้แก่ อัปโหลดด้วยตนเองโดยใช้อินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ Analytics หรืออัปโหลดโดยใช้โปรแกรมผ่านทาง API การจัดการ
อัปโหลดด้วยตนเอง-
ในตารางชุดข้อมูล ให้หาแถวผู้แต่งและบทความ
- คลิกจัดการการอัปโหลดสำหรับชุดข้อมูลสีและขนาด
- คลิกอัปโหลดไฟล์ เลือกไฟล์แล้วคลิกอัปโหลด
- ในตารางชุดข้อมูล ให้หาแถวผู้แต่งและบทความ
- คลิกที่ชื่อชุดข้อมูล
- คลิกรับรหัสแหล่งที่มาของข้อมูลที่กำหนดเอง…
- คัดลอกรหัสเก็บไว้
- ทำตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่ออัปโหลดผ่านทาง API การจัดการ
ขั้นตอนที่ 6: ดูข้อมูลในรายงาน
เนื่องจากผู้แต่งเป็นมิติข้อมูลที่กำหนดเอง มิติข้อมูลนี้จึงไม่ปรากฏในรายงานมาตรฐาน หากต้องการดูจำนวนหน้าที่มีการเปิดทั้งหมดต่อผู้แต่ง 1 ราย คุณจะต้องสร้างรายงานที่กำหนดเองซึ่งมี 1 เมตริก (จำนวนหน้าที่มีการเปิด) และ 1 มิติข้อมูล (ผู้แต่ง)
ข้อมูลที่อัปโหลดต้องได้รับการประมวลผลก่อนจึงจะสามารถแสดงในรายงาน เมื่อประมวลผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจใช้เวลาสูงสุด 24 ชั่วโมงระบบจึงจะเริ่มนำข้อมูลที่นำเข้าไปใช้กับข้อมูล Hit ที่เข้ามา