รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก

รีมาร์เก็ตติ้งช่วยให้คุณแสดงโฆษณาต่อผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์หรือใช้แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณมาก่อนได้ รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกก้าวไปอีกระดับ โดยช่วยให้คุณสามารถแสดงโฆษณาที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่พวกเขาเคยดูบนเว็บไซต์ของคุณแก่ผู้ที่เคยเข้าชมได้ ด้วยการใช้ข้อความที่ปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ชม รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกจะช่วยคุณสร้างโอกาสในการขายและยอดขายโดยการนำผู้ที่เคยเข้าชมกลับมาที่เว็บไซต์ของคุณเพื่อทำสิ่งที่พวกเขาเริ่มไว้ต่อให้เสร็จสิ้น

ก่อนเริ่มต้น

หากต้องการตั้งค่ารีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก คุณจะต้องทำดังต่อไปนี้

  • แท็กที่มีพารามิเตอร์ที่กำหนดเอง เพิ่มแท็กรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกที่มีพารามิเตอร์ที่กำหนดเองลงในทุกหน้าของเว็บไซต์ แท็กจะเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์ ลงในรายการรีมาร์เก็ตติ้ง และเชื่อมโยงเข้ากับรหัสที่ไม่ซ้ำกันของรายการฟีด ที่พวกเขาดู ใน Google Ads คุณจะพบแท็กในส่วนตัวจัดการกลุ่มเป้าหมายของไลบรารีที่ใช้ร่วมกัน
  • ฟีดผลิตภัณฑ์หรือบริการ สร้างฟีดที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดรวมถึงรายละเอียดของแต่ละรายการ (รหัสที่ไม่ซ้ำกัน ราคา รูปภาพ และอื่นๆ) รายละเอียดเหล่านี้จะถูกดึงจากฟีดไปไว้ในโฆษณาแบบไดนามิก คุณจะอัปโหลดฟีดไปยังส่วนข้อมูลธุรกิจของไลบรารีที่ใช้ร่วมกัน เว้นแต่คุณจะเป็นผู้ค้าปลีก ผู้ค้าปลีกจะอัปโหลดฟีดผลิตภัณฑ์ไปยัง Google Merchant Center แทน
  • สร้างโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา โฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณาเป็นแบบตามชิ้นงาน และจะปรับขนาด ลักษณะ และรูปแบบให้พอดีกับพื้นที่โฆษณาที่มีอยู่โดยอัตโนมัติ แคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกจะแสดงเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้า จากฟีดผลิตภัณฑ์ที่คุณควบคุมและแนบไว้กับแคมเปญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา

ในบทความนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่การติดแท็กด้วยพารามิเตอร์ที่กำหนดเองสำหรับรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีดผลิตภัณฑ์และโฆษณาที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์ โปรดอ่านบทความต่อไปนี้

รูปแบบการนำไปใช้

คุณจะใช้ Google Ads หรือ Google Analytics (Universal Analytics) กับรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกก็ได้ ทั้ง 2 วิธีได้รับการสนับสนุนผ่านการติดตั้งแท็ก Google และ Google Tag Manager

รีมาร์เก็ตติ้งของ Google Ads รีมาร์เก็ตติ้งของ Google Analytics
  • หากต้องการเปิดใช้เฉพาะรีมาร์เก็ตติ้ง เราขอแนะนําให้ใช้แท็ก Google Ads
  • หากใช้งาน รายการรีมาร์เก็ตติ้งสำหรับโฆษณา Search (RLSA) อยู่แล้ว คุณก็ใช้แท็กเดิมต่อไปได้โดยการแก้ไข/อัปเดตแท็กรีมาร์เก็ตติ้งของ Google Ads โดยการส่งพารามิเตอร์ที่กำหนดเอง
  • สร้างรายการรีมาร์เก็ตติ้งตาม URL ของหน้าเว็บหรือพารามิเตอร์ที่กำหนดเอง
  • หากต้องการใช้ข้อมูลการวิเคราะห์โดยละเอียดสำหรับรีมาร์เก็ตติ้ง ขอแนะนำให้ใช้วิธีการของ Google Analytics นอกจากนี้ Google Analytics ยังมีความสามารถด้านการวิเคราะห์เว็บไซต์ฟีเจอร์ครบถ้วนสำหรับการวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพ
  • หากใช้ Google Analytics อยู่แล้ว คุณจะเปิดใช้รีมาร์เก็ตติ้งได้อย่างง่ายดายจากอินเทอร์เฟซผู้ใช้โดยไม่ต้องอัปเดตแท็ก ในส่วนการตั้งค่าขั้นสูง ให้ตั้งค่าเปิดใช้ฟีเจอร์ผู้ลงโฆษณาเป็นเปิด
  • สร้างรายการรีมาร์เก็ตติ้งตาม URL ของหน้าเว็บ พารามิเตอร์ที่กำหนดเอง หรือพฤติกรรมในเว็บไซต์ของลูกค้า เช่น เวลาบนไซต์หรือจำนวนหน้าที่เข้าชม
  • รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกจําเป็นต้องมีการติดตั้งใช้งาน Universal Analytics ซึ่ง Google Analytics 4 ยังไม่รองรับ

รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกด้วย Google Ads

ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อสร้างแท็กรีมาร์เก็ตติ้งหรือเรียกข้อมูลรหัส Conversion ที่ใช้สำหรับรีมาร์เก็ตติ้ง

  1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads
  2. คลิก ไอคอนเครื่องมือ ที่มุมขวาบนของหน้าจอ
  3. คลิกตัวจัดการกลุ่มเป้าหมายภายใต้ "ไลบรารีที่ใช้ร่วมกัน"
  4. คลิกแหล่งที่มาของกลุ่มเป้าหมายจากเมนูหน้าเว็บทางด้านซ้าย
  5. ในการ์ดแท็ก Google Ads คลิกตั้งค่าแท็ก หากตั้งค่าแท็ก Google Ads ไว้แล้ว คุณจะแก้ไขแท็กได้โดยคลิก เมนูการทำงานเพิ่มเติม แล้วคลิกแก้ไข
  6. เลือก "เก็บข้อมูลแอตทริบิวต์หรือพารามิเตอร์เฉพาะเจาะจงเพื่อปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะกับผู้ใช้" ตัวเลือกนี้เรียกอีกอย่างว่า "รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก" ซึ่งช่วยให้คุณแสดงโฆษณาต่อผู้ที่อยู่ในรายการรีมาร์เก็ตติ้งตามกิจกรรมที่บุคคลเหล่านั้นทำในเว็บไซต์หรือแอปได้
  7. เลือกประเภทธุรกิจที่ตรงกับผลิตภัณฑ์และบริการ ประเภทธุรกิจใช้เพื่อบอกให้แท็กรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมในเว็บไซต์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับธุรกิจของคุณ หากประเภทธุรกิจไม่มีอยู่ในรายการ ให้เลือก "อื่นๆ (ตัวเลือกที่กำหนดเอง)"
  8. เลือกพารามิเตอร์ประเภทธุรกิจที่ต้องการติดตาม
  9. คลิกสร้างและต่อไป
  10. เมื่อหน้าจอสำหรับการติดตั้งปรากฏขึ้น แท็ก Google และข้อมูลโค้ดเหตุการณ์ก็พร้อมใช้งาน คุณจะคัดลอกโค้ด, ใช้ Tag Manager, ดาวน์โหลดแท็ก หรือส่งแท็กให้นักพัฒนาเว็บทางอีเมลได้

หากต้องการดูวิธีการโดยละเอียดในการเติมค่าข้อมูลโค้ดเหตุการณ์สำหรับประเภทธุรกิจ โปรดอ่านวิธีใช้พารามิเตอร์เหตุการณ์ของประเภทธุรกิจ

gtag.js

  • สร้างแท็ก Google Ads จากใน Google Ads หากติดตั้งแท็ก Google แล้ว ก็ไม่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับแท็ก
  • ตั้งค่า "เก็บข้อมูลแอตทริบิวต์หรือพารามิเตอร์เฉพาะเจาะจงเพื่อปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะกับผู้ใช้" และเลือกรวมพารามิเตอร์เหตุการณ์สำหรับธุรกิจ

ตัวอย่างแท็ก

<!-- Google tag (gtag.js) -->
  <script async src="https://www.googletagmanager.com/gtag/js?id=TAG_ID"></script>
  <script>
    window.dataLayer = window.dataLayer || [];
    function gtag(){dataLayer.push(arguments);}
    gtag('js', new Date());

    gtag('config','TAG_ID');
  </script>

ตัวอย่างแท็กพารามิเตอร์เหตุการณ์สำหรับประเภทธุรกิจค้าปลีก

<script>
gtag('event','view_item', {
  'value': 998.55,
  'items': [
    {
      'id': 1234,
      'google_business_vertical': 'retail'
    },
    {
      'id': 45678,
      'google_business_vertical': 'retail'
    }
  ]
});
</script>

Tag Manager

  • รับรหัส Conversion สำหรับแท็ก Google Ads ของคุณ
  • ตั้งค่าเป็น "รวบรวมแอตทริบิวต์หรือพารามิเตอร์ที่เจาะจงเพื่อปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะกับผู้ใช้" และเลือกรวมพารามิเตอร์เหตุการณ์สำหรับธุรกิจ
  • สร้างแท็กใหม่ใน Google Tag Manager อย่าลืมเลือกประเภทแท็ก "รีมาร์เก็ตติ้งของ Google Ads" ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตั้ง Tag Manager
  • ใช้แท็กรีมาร์เก็ตติ้งของ Google Ads ในหน้าทุกหน้าของเว็บไซต์
  • ส่งต่อค่าแบบไดนามิกสำหรับแต่ละเหตุการณ์รีมาร์เก็ตติ้งไปยังแท็กรีมาร์เก็ตติ้งในขั้นตอนสำคัญๆ ของเว็บไซต์ ค่าเหล่านี้อาจเป็นสิ่งต่างๆ เช่น รหัสผลิตภัณฑ์ของสินค้าที่ผู้ใช้เพิ่มลงในรถเข็น ต้นทางและปลายทางของเที่ยวบินที่ผู้ใช้ค้นหา รหัสโปรโมชันของข้อเสนอที่ผู้ใช้คลิก เป็นต้น)

หากต้องการคำแนะนำโดยละเอียดในการใช้มูลค่าแบบไดนามิกสำหรับพารามิเตอร์เหตุการณ์ โปรดอ่านรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกของ Google Ads

รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกด้วย Google Analytics

รีมาร์เก็ตติ้งมาตรฐานด้วย Analytics จะใช้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามมิติข้อมูลและเมตริกที่มีอยู่ใน Analytics เมื่อคุณเปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณา มิติข้อมูลและเมตริกเหล่านี้จะอธิบายและวัดพฤติกรรมตามผู้ใช้และตามเซสชันในเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังรวมแอตทริบิวต์อื่นๆ ของผู้ใช้ เช่น อายุ เพศ และความสนใจด้วย

รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกช่วยให้อัปเดตแท็กหน้าเว็บด้วยแอตทริบิวต์ที่เจาะจงประเภทธุรกิจเพื่อที่จะได้รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมที่ช่วยในการปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม เช่น Analytics สามารถรวบรวมสิ่งต่างๆ อย่างรหัสของผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้โต้ตอบด้วยในเว็บไซต์ค้าปลีก และข้อมูลต้นทางและปลายทางที่ผู้ใช้ป้อนไว้ในเว็บไซต์ท่องเที่ยว หลังจากอัปเดตแท็กด้วยแอตทริบิวต์เฉพาะของประเภทธุรกิจแล้ว คุณจะต้องสร้างแอตทริบิวต์แบบไดนามิกที่สอดคล้องกันใน Google Analytics และลิงก์กับบัญชี Google Ads

แท็กที่อัปเดตและแอตทริบิวต์ที่เกี่ยวข้องใน Google Ads จะช่วยให้คุณสามารถ สร้างกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับโฆษณารีมาร์เก็ตติ้งที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ เนื้อหาของโฆษณาจะอิงตามข้อมูลที่ Analytics ได้มา เช่น หากผู้ใช้ได้ดูผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ในเว็บไซต์ คุณก็แสดงโฆษณารีมาร์เก็ตติ้งสำหรับผลิตภัณฑ์นั้นหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องหรือมีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้ใช้เหล่านั้นได้

วิธีตั้งค่ารีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกด้วย Google Analytics

gtag.js

  1. เปิดใช้รีมาร์เก็ตติ้งและฟีเจอร์การรายงานการโฆษณาใน Analytics
  2. ลิงก์บัญชี Google Ads กับบัญชี Analytics
  3. ลิงก์บัญชี Google Merchant Center กับบัญชี Google Ads
  4. อัปเดตแท็ก Google Analytics เพื่อส่งพารามิเตอร์สำหรับประเภทธุรกิจ ผ่านมิติข้อมูลที่กำหนดเอง
  5. สร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกเพื่อแชร์กับบัญชี Google Ads
  6. สร้างแอตทริบิวต์สำหรับรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics
  7. สร้างแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกใน Google Ads

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกด้วย Google Analytics

Tag Manager

รีมาร์เก็ตติ้งช่วยให้คุณแสดงโฆษณาต่อผู้ใช้และปรับแต่งโฆษณาเหล่านั้นตามเนื้อหาที่ผู้ใช้ได้รับ รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกเป็นวิธีที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพ และแสดงโฆษณาที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ดูไปก่อนหน้านี้

ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่ามิติข้อมูลที่กําหนดเอง

เมื่อผู้ใช้ดูเนื้อหาที่ติดแท็กแอตทริบิวต์ประเภทธุรกิจ (เช่น โฆษณารองเท้าแบบเฉพาะ) ระบบจะส่งต่อข้อมูลนั้นไปยัง Analytics เป็นมิติข้อมูลที่กำหนดเอง Analytics จะทำให้แคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก ของ Google Ads ใช้ข้อมูลนี้ได้

หากต้องการสร้างมิติข้อมูลที่กำหนดเอง โปรดทำตามวิธีการในศูนย์ช่วยเหลือของ Google Analytics

อย่าลืมตั้งชื่อมิติข้อมูลที่กำหนดเองให้ตรงกับที่แนะนำในคู่มือมิติข้อมูลที่กำหนดเอง โปรดทราบว่าคีย์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของธุรกิจ ดังนั้น อย่าลืมหาค่าประเภทธุรกิจที่เหมาะสม

เช่น ประเภทธุรกิจค้าปลีกจะต้องการมิติข้อมูล ecomm_prodid และคุณจะต้องใส่มิติข้อมูลสำหรับ ecomm_pagetype และ ecomm_totalvalue ลงไปด้วยเนื่องจากรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกใน Analytics ต้องการค่าเหล่านี้

สำหรับมิติข้อมูลที่กำหนดเองแต่ละรายการ ให้ตั้งค่าเมนูขอบเขตเป็น Hit ซึ่งจะทำให้การทำงานเหล่านี้มีผลกับการดูหน้าเว็บ แต่จะไม่ยึดติดกับเซสชันหรือผู้ใช้หนึ่งๆ

บันทึกหมายเลขดัชนีของมิติข้อมูลแต่ละรายการที่คุณสร้าง คุณจะต้องใช้หมายเลขดัชนีเหล่านี้สำหรับการกำหนดค่า Tag Manager

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่าชั้นข้อมูล

ทำงานร่วมกับนักพัฒนาเว็บเพื่อเพิ่มแอตทริบิวต์ที่จำเป็นลงในชั้นข้อมูล แท็กจะใช้คีย์และค่าของชั้นข้อมูลเหล่านี้เพื่อระบุผลิตภัณฑ์ที่สนใจ ตัวอย่างนี้แสดงถึงธุรกรรมการค้าปลีกที่มีการพุชรหัสผลิตภัณฑ์ ประเภทหน้าเว็บ และมูลค่ารวมของผลิตภัณฑ์ไปยังชั้นข้อมูล

dataLayer.push({
    'product_ids' : 'AA12345',
    'page_type' : 'product',
    'total_value' : 49
});

ขั้นตอนที่ 3: ตั้งค่าแอตทริบิวต์แบบไดนามิก

แอตทริบิวต์แบบไดนามิกมีไว้เพื่อลิงก์ข้อมูลแอตทริบิวต์ประเภทธุรกิจจาก Google Analytics กับบัญชี Google Ads วิธีตั้งค่าแอตทริบิวต์แบบไดนามิกใน Google Analytics มีดังนี้

  1. ใน Google Analytics ไปที่ผู้ดูแลระบบ > คอลัมน์พร็อพเพอร์ตี้: ข้อมูลการติดตาม > การรวบรวมข้อมูล และตั้งค่ารีมาร์เก็ตติ้งเป็นเปิด คลิกบันทึก
  2. ลิงก์บัญชี Google Ads
    1. เลือกบัญชี Google Ads ที่ต้องการลิงก์
    2. ตั้งชื่อกลุ่มในช่องชื่อกลุ่มลิงก์
    3. ใช้ปุ่มสลับเพื่อลิงก์ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้รายการหนึ่งหรือหลายรายการ
    4. คลิกลิงก์บัญชี แล้วคลิกเสร็จสิ้น
  3. ขณะที่ยังอยู่ในส่วนผู้ดูแลระบบ ให้ไปที่คอลัมน์พร็อพเพอร์ตี้: คำจำกัดความผู้ชม > แอตทริบิวต์แบบไดนามิก
  4. คลิก + แอตทริบิวต์ใหม่
  5. ในส่วนการกำหนดค่า ให้ตั้งค่าประเภทธุรกิจ (เช่น ค้าปลีก), ข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ และปลายทาง คลิกถัดไปเมื่อเสร็จแล้ว
  6. ในส่วนแอตทริบิวต์แบบไดนามิก ให้ตั้งค่าแอตทริบิวต์จากมิติข้อมูลที่กำหนดเองที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ เช่น หากกำลังใช้ "ค้าปลีก" คุณจะตั้งค่า Product ID เป็น ecomm_prodid ตั้งค่าประเภทหน้าเว็บเป็น ecomm_pagetype และมูลค่ารวมเป็น ecomm_totalvalue
  7. คลิกบันทึก

ขั้นตอนที่ 4: สร้างผู้ชมใน Analytics

เมื่ออัปเดตแท็กด้วยแอตทริบิวต์ที่ต้องการใช้แล้ว แอตทริบิวต์เหล่านั้นก็จะพร้อมใช้งานใน Analytics ตอนนี้คุณสามารถใช้แอตทริบิวต์เหล่านี้ เพื่อสร้างผู้ชมรีมาร์เก็ตติ้ง ทำตามดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างกลุ่มเป้าหมาย

ขั้นตอนที่ 5: สร้างตัวแปรที่กำหนดโดยผู้ใช้

ใน Tag Manager ให้สร้างตัวแปรที่กำหนดโดยผู้ใช้ใหม่ 3 รายการเพื่อจับคู่ค่าของชั้นข้อมูลและมิติข้อมูลที่กำหนดเองที่คุณตั้งค่าไว้ก่อนหน้านี้

  1. ในพื้นที่ทำงานของ Tag Manager ให้ไปที่ตัวแปร แล้วคลิกปุ่มใหม่ในส่วนตัวแปรที่กำหนดโดยผู้ใช้
  2. คลิกการกำหนดค่าตัวแปร แล้วเลือกตัวแปรชั้นข้อมูล
  3. ตั้งชื่อตัวแปรชั้นข้อมูลเป็นชื่อของตัวแปรในออบเจ็กต์ dataLayer() เมื่อใช้ตัวอย่างโค้ด dataLayer() ด้านบน ระบบจะตั้งค่านี้เป็น "product_ids"
  4. ปล่อยให้เวอร์ชันของชั้นข้อมูลตั้งค่าเป็นค่าเริ่มต้น 2
  5. ตั้งชื่อตัวแปร สำหรับตัวอย่างรหัสผลิตภัณฑ์ค้าปลีกนี้ คุณจะใช้ "รหัสผลิตภัณฑ์"
  6. บันทึกตัวแปร

ทำกระบวนการนี้ซ้ำกับตัวแปรที่กำหนดโดยผู้ใช้ที่เหลืออยู่

ขั้นตอนที่ 6: เพิ่มตัวแปรที่กำหนดโดยผู้ใช้ลงใน Tag Manager

ขั้นตอนสุดท้ายคือการเพิ่มตัวแปรที่กำหนดโดยผู้ใช้ใหม่ซึ่งคุณสร้างขึ้นใน Tag Manager ลงในตัวแปรการตั้งค่า Google Analytics ดังนี้

  1. ไปที่ตัวแปรและเลือกตัวแปรการตั้งค่า Google Analytics
  2. คลิกการกำหนดค่าตัวแปร และไปที่การตั้งค่าเพิ่มเติม > มิติข้อมูลที่กำหนดเอง
  3. คลิกเพิ่มมิติข้อมูลที่กำหนดเอง
  4. ใช้ตัวเลือกตัวแปรเพื่อตั้งค่ามิติข้อมูลสำหรับตัวแปร Tag Manager ที่กำหนดโดยผู้ใช้แต่ละรายการที่คุณสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ ค่าดัชนีจะสอดคล้องกับที่คุณบันทึกไว้ในขั้นตอนที่ 1 เมื่อสร้างมิติข้อมูลที่กำหนดเองใน Analytics เช่น ดัชนีอาจมีค่าเป็น 3 และค่ามิติข้อมูลอาจเป็น 3
  5. บันทึกการกําหนดค่าและเผยแพร่คอนเทนเนอร์เมื่อพร้อม