คู่มือการใช้งาน Attribution Reporting API ข้ามเว็บและแอป

Attribution Reporting API ช่วยให้สามารถระบุแหล่งที่มาของหลายแอปและเว็บสําหรับแหล่งที่มาและทริกเกอร์ที่เกิดขึ้นในอุปกรณ์เดียวกัน เบราว์เซอร์ เช่น Chrome สามารถมอบสิทธิ์การลงทะเบียนทั้งแหล่งที่มาและทริกเกอร์ให้กับ Attribution Reporting API สําหรับ Android แทนที่จะจัดการการลงทะเบียนเหล่านั้นในเบราว์เซอร์ ซึ่งจะช่วยให้ Android จับคู่แหล่งที่มาและทริกเกอร์ทั้งในเว็บไซต์และแอปได้

คู่มือนี้จะสอนวิธีตั้งค่าการระบุแหล่งที่มาข้ามแอปและเว็บ

เมื่อตั้งค่าการระบุแหล่งที่มาข้ามแอปและเว็บ เราขอแนะนําอย่างยิ่งให้คุณทำความคุ้นเคยกับโซลูชันการแก้ไขข้อบกพร่องที่มีอยู่ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าการตั้งค่าทํางานตามที่ตั้งใจไว้

ลงทะเบียนแหล่งที่มาและทริกเกอร์กับระบบปฏิบัติการ Android

การระบุแหล่งที่มาข้ามแอปและเว็บจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อเปิดใช้ Attribution Reporting API ทั้งในเบราว์เซอร์และระบบปฏิบัติการ Android ในอุปกรณ์เครื่องเดียวกัน ระบบจะส่งความพร้อมใช้งานของ Attribution Reporting API ของ Android ผ่านส่วนหัว Attribution-Reporting-Support ส่วนหัวนี้จะแสดงผลเป็นระบบปฏิบัติการ เว็บ หรือทั้ง 2 อย่าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พร้อมใช้งานในอุปกรณ์นั้น หากมีทั้ง 2 รายการ เทคโนโลยีโฆษณาจะมีตัวเลือกในการลงทะเบียนแหล่งที่มาของเว็บและทริกเกอร์ของเว็บกับเบราว์เซอร์หรือระบบปฏิบัติการ

เทคโนโลยีโฆษณาต้องตัดสินใจว่าจะลงทะเบียนแหล่งที่มาของเว็บหรือทริกเกอร์ของเว็บกับเบราว์เซอร์หรือระบบปฏิบัติการ

  • สําหรับแคมเปญบนเว็บเท่านั้น เทคโนโลยีโฆษณาจะยังคงลงทะเบียนทั้งแหล่งที่มาและทริกเกอร์กับ Attribution Reporting API ของ Chrome หรือเลือกที่จะมอบสิทธิ์ทั้ง 2 อย่างให้กับระบบปฏิบัติการได้ สําหรับแคมเปญบนเว็บเท่านั้นที่แหล่งที่มาหรือทริกเกอร์อาจเกิดขึ้นใน WebView เทคโนโลยีโฆษณาต้องมอบสิทธิ์การลงทะเบียนทั้งแหล่งที่มาและทริกเกอร์ให้กับระบบปฏิบัติการ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนเกี่ยวกับ WebView
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโฆษณาควรหลีกเลี่ยงการลงทะเบียนแหล่งที่มาและทริกเกอร์กับทั้ง Chrome และ Android API พร้อมกันเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างรายงานการระบุแหล่งที่มาที่ซ้ำกัน

  • การระบุแหล่งที่มาจะเกิดขึ้นแยกกันสําหรับเบราว์เซอร์และระบบปฏิบัติการ หากแหล่งที่มาลงทะเบียนกับเบราว์เซอร์ แต่ทริกเกอร์ลงทะเบียนกับระบบปฏิบัติการ แหล่งที่มาและทริกเกอร์ดังกล่าวจะจับคู่กันไม่ได้ และในทางกลับกัน

  • สําหรับแหล่งที่มาที่อาจทริกเกอร์แอปหรือเว็บ เราขอแนะนําอย่างยิ่งให้เทคโนโลยีโฆษณามอบสิทธิ์แหล่งที่มาของเว็บและการลงทะเบียนทริกเกอร์ให้กับ Android Attribution Reporting API

  • สําหรับทริกเกอร์ที่อาจมาจากแหล่งที่มาที่อิงตามแอป เทคโนโลยีโฆษณาสามารถเลือกที่จะมอบสิทธิ์การลงทะเบียนทริกเกอร์เว็บให้กับ Android Attribution Reporting API ได้

  • สําหรับแคมเปญที่ทั้งแหล่งที่มาและทริกเกอร์เกิดขึ้นในแอป จะต้องลงทะเบียนทั้ง 2 อย่างกับ OS Attribution Reporting API

ลงทะเบียนแหล่งที่มาของแอปและทริกเกอร์บนเว็บ

สําหรับบางแคมเปญ แหล่งที่มาอาจเกิดขึ้นในแอป ขณะที่ทริกเกอร์อาจเกิดขึ้นในเว็บไซต์ในเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในอุปกรณ์เครื่องเดียวกัน

ตัวอย่าง

ผู้ใช้กําลังอ่านบทความในแอปข่าวที่ชื่นชอบ เมื่อเห็นโฆษณาตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปปารีสก็คลิกจองด้วยความตื่นเต้น เทคโนโลยีโฆษณาที่แสดงโฆษณาในแอปข่าวจะลงทะเบียนแหล่งที่มาของคลิกกับ Attribution Reporting API ของ Android ระบบจะนําผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บของผู้ลงโฆษณาใน Chrome ซึ่งผู้ใช้จะทํา Conversion ได้ เทคโนโลยีโฆษณาในเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณาจะตรวจสอบว่า API ระดับระบบปฏิบัติการพร้อมใช้งานหรือไม่ หากพร้อมใช้งาน เทคโนโลยีโฆษณาจะลงทะเบียนทริกเกอร์ Conversion โดยสั่งให้ Chrome ส่งต่อการลงทะเบียนไปยังระบบปฏิบัติการแทนการลงทะเบียนกับ Attribution Reporting API ของ Chrome โดยตรง จากนั้น Attribution Reporting API ระดับระบบปฏิบัติการจะจับคู่แหล่งที่มาของแอปกับทริกเกอร์ของเว็บและส่งรายงานที่เกี่ยวข้อง

ขั้นตอนการระบุแหล่งที่มาจากแอปไปยังเว็บ
ขั้นตอนการระบุแหล่งที่มาจากแอปไปยังเว็บ

การลงทะเบียนแหล่งที่มาของแอป:

  1. SDK เทคโนโลยีโฆษณาในแอป Daily News บน Android จะบันทึกการคลิกโดยใช้ registerSource()

  2. Attribution Reporting API ใน Android จะส่งคําขอไปยังเซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยีโฆษณา URL ที่ระบุให้กับ registerSource()

  3. เซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยีโฆษณาจะตอบกลับด้วยส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-Source เพื่อจดทะเบียนแหล่งที่มาให้เสร็จสมบูรณ์

การลงทะเบียนทริกเกอร์บนเว็บ:

  1. เทคโนโลยีโฆษณาจะลงทะเบียนทริกเกอร์และตรวจสอบความพร้อมใช้งานของระบบปฏิบัติการใน Attribution Reporting API

  2. ARA บนเว็บจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่รองรับ

  3. ส่วนหัว OS-Trigger จะบอกให้ ARA API ของเว็บเรียกใช้ฟังก์ชัน ARA API ของ OS registerWebTrigger()

  4. การเรียก registerWebTrigger() จะเกิดขึ้นเบื้องหลัง และนักพัฒนาแอปไม่จำเป็นต้องเรียก registerWebTrigger() กับระบบปฏิบัติการโดยตรง

  5. OS ARA จะเข้ามาควบคุมและส่งคําขอไปยัง URL ของเซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยีโฆษณาที่ระบุโดยส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-OS-Trigger

  6. เทคโนโลยีโฆษณาจะลงทะเบียนทริกเกอร์กับ OS API ให้เสร็จสมบูรณ์

  7. ARA ของ OS จะทำการระบุแหล่งที่มาตามตรรกะเดียวกันกับที่ใช้กับการระบุแหล่งที่มาของ App<>App และส่งรายงานเดียวกัน

ขั้นตอนการทำงาน

ขั้นตอนต่อไปนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์

  1. เทคโนโลยีโฆษณาจากแอปจะลงทะเบียนแหล่งที่มากับ Attribution Reporting API ของ Android โดยมีการปรับต่อไปนี้

    • หากต้องการลงทะเบียนแหล่งที่มาของแอปที่คาดว่าจะทําให้เกิด Conversion ในเว็บไซต์ ส่วนหัวการตอบกลับ Attribution-Reporting-Register-Source ควรมีปลายทางของเว็บ (eTLD+1) แทนปลายทางของแอป
    Attribution-Reporting-Register-Source: {
        "web_destination": "https://advertiser.example",
        ...
    }
    
    • ผู้ลงโฆษณาบางรายอาจใช้ผู้ให้บริการวัดผลหลายราย (เช่น เครื่องมือวัดผลของบุคคลที่สามหรือเครื่องมือวิเคราะห์) โดยใช้เชนการเปลี่ยนเส้นทาง 302 ในบางกรณี Attribution Reporting API จะทําตามเส้นทางการเปลี่ยนเส้นทางที่ระบุไว้ในส่วนหัว Attribution-Reporting-Redirect ในเบื้องหลัง และในเวลาเดียวกันเส้นทางการเปลี่ยนเส้นทาง 302 จะทํางานในเบื้องหน้าสําหรับคําขอไปยังส่วนต่างๆ ที่มีอยู่ คําขอเหล่านี้จะไปที่ URL เดียวกันและอาจส่งผลให้ผู้ให้บริการวัดผลบุคคลที่สามนับการลงทะเบียนซ้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการนับการลงทะเบียนซ้ำ เทคโนโลยีโฆษณาสามารถแก้ไขลักษณะการเปลี่ยนเส้นทางเพื่อส่งการลงทะเบียน Attribution Reporting API ไปยัง URL อื่นที่เจาะจง
    • หากต้องการเปิดใช้ลักษณะการทำงานนี้ เทคโนโลยีโฆษณาจะต้องใส่ส่วนหัว HTTP ใหม่เมื่อตอบกลับคำขอลงทะเบียน

      • ส่วนหัวคือ Attribution-Reporting-Redirect-Config
      • ค่าส่วนหัวควรเป็น redirect-302-to-well-known
      Attribution-Reporting-Redirect-Config: redirect-302-to-well-known
      
    • ขั้นตอนการลงทะเบียนแหล่งที่มาที่เหลือจะเหมือนกับการลงทะเบียนแหล่งที่มาแบบแอปต่อแอปมาตรฐาน

  2. เทคโนโลยีโฆษณาในเว็บไซต์ของผู้ลงโฆษณาจะลงทะเบียนทริกเกอร์โดยขอให้ Chrome มอบสิทธิ์การลงทะเบียนให้กับ Attribution Reporting API ของ Android ดังนี้

    • เมื่อผู้ใช้ทํา Conversion ในเว็บไซต์เสร็จแล้ว เทคโนโลยีโฆษณาจะส่งคําขอลงทะเบียนทริกเกอร์กับ Chrome

      1. คุณสามารถใช้คําขอพิกเซลหรือ fetch() เพื่อส่งคําขอลงทะเบียนทริกเกอร์

      2. Chrome จะแสดงส่วนหัวคำขอ Attribution-Reporting-Support แก่เทคโนโลยีโฆษณา หากเปิดใช้ API ทั้งในเบราว์เซอร์ Chrome และอุปกรณ์ Android ส่วนหัวจะแสดง os, web

      Attribution-Reporting-Support: os, web
      
    • จากนั้นเทคโนโลยีโฆษณาควรบอกให้ Chrome มอบสิทธิ์ให้ระบบปฏิบัติการโดยใช้ส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-OS-Trigger ซึ่งมีลักษณะดังนี้

      1. บอกให้ Chrome ส่งต่อการลงทะเบียนไปยังระบบปฏิบัติการ

      2. Chrome จะมอบสิทธิ์การลงทะเบียนให้กับระบบปฏิบัติการโดยการเรียกใช้ฟังก์ชัน OS API registerWebTrigger()

        • การเรียกใช้ registerWebTrigger() เกิดขึ้นในเบื้องหลัง เทคโนโลยีโฆษณาไม่จำเป็นต้องเรียกใช้ registerWebTrigger() โดยตรง
      3. OS API จะเริ่มต้นการเรียก API รองไปยัง URI เทคโนโลยีโฆษณาที่ส่งมาจากเบราว์เซอร์

      Attribution-Reporting-Register-OS-Trigger: "https://adtech.example/register-trigger",
      "https://other-adtech.example/register-trigger"
      
    • ในบางกรณี ส่วนหัว Attribution-Reporting-Support อาจไม่พร้อมใช้งานและส่งไม่ได้ ในกรณีนี้ เทคโนโลยีโฆษณาจะยังคงตั้งค่าแพลตฟอร์มที่ต้องการเพื่อจัดการการลงทะเบียนทริกเกอร์ได้โดยใส่ส่วนหัว Attribution-Reporting-Info คีย์คือ preferred-platform และค่าที่อนุญาตคือ os และ web เบราว์เซอร์จะใช้แพลตฟอร์มที่ต้องการเมื่อพร้อมใช้งาน และจะเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มเว็บเมื่อระบบปฏิบัติการไม่พร้อมใช้งาน

    Attribution-Reporting-Info: preferred-platform=os
    
    • ปลายทางของเทคโนโลยีโฆษณาควรตอบกลับคําขอ Attribution Reporting API ของ Android โดยใช้ส่วนหัวการตอบกลับเพื่อลงทะเบียนทริกเกอร์ให้เสร็จสมบูรณ์
    Attribution-Reporting-Register-Trigger: {
        "event_trigger_data": [{"trigger_data":"1"}],
        "aggregatable_trigger_data": [
            {"key_piece":"0x400","source_keys":["campaignCounts"]},
            {"key_piece":"0xA80","source_keys":["geoValue"]}
        ],
        ...
    }
    

ลงทะเบียนแหล่งที่มาของเว็บและทริกเกอร์แอป

สําหรับบางแคมเปญ แหล่งที่มาอาจเกิดขึ้นในเว็บไซต์ในเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ขณะที่ทริกเกอร์เกิดขึ้นในแอปบนอุปกรณ์เครื่องเดียวกัน

ตัวอย่าง

ผู้ใช้กําลังท่องเว็บไซต์ในเบราว์เซอร์ Chrome บนโทรศัพท์ Android ผู้ใช้เห็นโฆษณาเสื้อสเวตเตอร์จากร้านค้าโปรด ผู้ใช้คลิกโฆษณาแล้วระบบจะนำไปยังแอปที่ดาวน์โหลดไว้แล้ว เทคโนโลยีโฆษณาในเว็บไซต์ที่แสดงโฆษณาจะบันทึกแหล่งที่มาของคลิกโดยสั่งให้ Chrome มอบสิทธิ์การลงทะเบียนให้กับ Attribution Reporting API ของ Android แทนที่จะใช้ Attribution Reporting API ใน Chrome ผู้ใช้ซื้อเสื้อสเวตเตอร์ในแอปช็อปปิ้ง จากนั้นเทคโนโลยีโฆษณาในแอปของผู้ลงโฆษณาจะบันทึกทริกเกอร์ Conversion กับ Android Attribution Reporting API Attribution Reporting API ระดับระบบปฏิบัติการจะจับคู่แหล่งที่มาของเว็บกับทริกเกอร์ของแอปและส่งรายงานที่เกี่ยวข้องได้

ขั้นตอนการระบุแหล่งที่มาของเว็บไปยังแอป
ขั้นตอนการระบุแหล่งที่มาของเว็บไปยังแอป

การลงทะเบียนแหล่งที่มาบนเว็บ:

  1. เทคโนโลยีโฆษณาจะลงทะเบียนแหล่งที่มาและตรวจสอบความพร้อมใช้งานของระบบปฏิบัติการใน Attribution Reporting API

  2. ARA บนเว็บจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่รองรับ

  3. ส่วนหัว OS-Source จะบอกให้ ARA API ของเว็บเรียกใช้ฟังก์ชัน ARA API ของ OS registerWebSource()

  4. การเรียก registerWebSource() จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และนักพัฒนาแอปไม่จำเป็นต้องเรียก registerWebSource() โดยใช้ระบบปฏิบัติการโดยตรง

  5. OS ARA จะเป็นผู้ดำเนินการต่อและส่งคําขอไปยัง URL ของเซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยีโฆษณาที่ระบุโดยส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-OS-Source

  6. เทคโนโลยีโฆษณาจะลงทะเบียนแหล่งที่มากับ OS API ให้เสร็จสมบูรณ์

การลงทะเบียนทริกเกอร์แอป:

  1. SDK เทคโนโลยีโฆษณาในแอป Android ของร้านเสื้อผ้าจะลงทะเบียนทริกเกอร์กับ ARA ของระบบปฏิบัติการ

  2. Attribution Reporting API ใน Android จะส่งคําขอไปยังเซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยีโฆษณา URL ที่ระบุให้กับ registerTrigger()

  3. เซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยีโฆษณาจะตอบกลับด้วยส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-Trigger เพื่อลงทะเบียนทริกเกอร์ให้เสร็จสมบูรณ์

  4. ARA ของ OS จะทำการระบุแหล่งที่มาตามตรรกะเดียวกันกับที่ใช้กับการระบุแหล่งที่มาของ App<>App และส่งรายงานเดียวกัน

ขั้นตอนการทำงาน

ขั้นตอนต่อไปนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์

  1. เทคโนโลยีโฆษณาในเว็บไซต์ของผู้เผยแพร่โฆษณาจะลงทะเบียนแหล่งที่มาโดยสั่งให้ Chrome มอบสิทธิ์การลงทะเบียนให้กับ Attribution Reporting API ของ Android ดังนี้

    • สําหรับ Use Case ของเว็บไปยังแอป เมื่อลงทะเบียนแหล่งที่มา คุณต้องระบุพารามิเตอร์แหล่งที่มาของการระบุแหล่งที่มาโดยตรง โดยใช้แท็ก attributionsrc หรือใช้การลงทะเบียน JavaScript
    • ตัวอย่างต่อไปนี้ใช้แท็ก attributionsrc เพื่อระบุพารามิเตอร์ ที่มา
    <img src="https://adtech.example/conversionpixel"
    attributionsrc="https://adtech.example/register-source?purchase=12">
    
  2. Chrome จะแสดงส่วนหัวคำขอ Attribution-Reporting-Support แก่เทคโนโลยีโฆษณา หากเปิดใช้ API ทั้งในเบราว์เซอร์ Chrome และอุปกรณ์ Android ส่วนหัวจะแสดง os, web

    Attribution-Reporting-Support: os, web
    
  3. เทคโนโลยีโฆษณาควรบอกให้ Chrome ส่งต่อไปยัง API ระดับระบบปฏิบัติการโดยใช้ส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-OS-Source ซึ่งมีลักษณะดังนี้

    1. บอกให้ Chrome ส่งต่อการลงทะเบียนไปยังระบบปฏิบัติการ
    2. Chrome จะมอบสิทธิ์การลงทะเบียนให้กับระบบปฏิบัติการโดยการเรียกใช้ฟังก์ชัน OS API registerWebSource()
    3. การเรียกใช้ registerWebSource() เกิดขึ้นในเบื้องหลัง เทคโนโลยีโฆษณาไม่จําเป็นต้องเรียกใช้ registerWebSource() โดยตรง
    4. OS API จะเริ่มต้นการเรียก API รองไปยัง URI เทคโนโลยีโฆษณาที่ส่งมาจากเบราว์เซอร์
    Attribution-Reporting-Register-OS-Source: "https://adtech.example/register-source"
    
    • ในบางกรณี ส่วนหัว Attribution-Reporting-Support อาจไม่พร้อมใช้งาน ในกรณีนี้ เทคโนโลยีโฆษณาจะยังคงตั้งค่าแพลตฟอร์มที่ต้องการเพื่อจัดการการจดทะเบียนแหล่งที่มาได้โดยใส่ส่วนหัว Attribution-Reporting-Info คีย์คือ preferred-platform และค่าที่อนุญาตคือ os และ web เบราว์เซอร์จะใช้แพลตฟอร์มที่ต้องการเมื่อพร้อมใช้งาน และจะเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มเว็บเมื่อระบบปฏิบัติการไม่พร้อมใช้งาน
    Attribution-Reporting-Info: preferred-platform=os
    
    • ปลายทางของเทคโนโลยีโฆษณาควรตอบกลับคําขอ Attribution Reporting API ของ Android ด้วยส่วนหัวการตอบกลับ Attribution-Reporting-Register-Source เพื่อให้การลงทะเบียนแหล่งที่มาเสร็จสมบูรณ์ การตอบกลับควรระบุปลายทางแอปในช่องปลายทางด้วย
    Attribution-Reporting-Register-Source: {
        "source_event_id":"123001",
        "destination":"android-app://com.example.advertiser",
        ...
    }
    
    • Chrome จะติดตามการเปลี่ยนเส้นทางและเรียกใช้ Web Context API สําหรับการเปลี่ยนเส้นทางแต่ละ Hop เพื่อรองรับการลงทะเบียนแหล่งที่มา
    • ส่วนที่เหลือของการลงทะเบียนแหล่งที่มาจะยังคงเหมือนเดิม
  4. เทคโนโลยีโฆษณาในแอปของผู้ลงโฆษณาจะลงทะเบียนทริกเกอร์กับ Android Attribution Reporting API ดังนี้

แคมเปญที่มีปลายทางที่เป็นไปได้ทั้งแอปและเว็บ

  1. ตั้งค่าปลายทางแบบคู่

    • บางแคมเปญอาจได้รับการตั้งค่าให้ทํา Conversion ในแอปของผู้ลงโฆษณาหรือในหน้าเว็บของผู้ลงโฆษณา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ผู้ใช้ได้ติดตั้งแอปหรือไม่
    • ในกรณีเหล่านี้ เราขอแนะนําให้มอบสิทธิ์การลงทะเบียนแหล่งที่มาให้กับระบบปฏิบัติการ (หากมี) เพื่อให้ระบุแหล่งที่มาได้อย่างถูกต้องไม่ว่าทริกเกอร์จะเกิดขึ้นที่ใด เมื่อลงทะเบียนแหล่งที่มากับระบบปฏิบัติการ คุณจะระบุทั้งปลายทางแอปและเว็บได้ในพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้อง
    • ปลายทางของแอปควรอยู่ในช่อง destination
    • ปลายทางของเว็บควรอยู่ในช่อง web_destination
    • นักพัฒนาซอฟต์แวร์ Chrome ควรทราบว่าช่อง destination สำหรับระบบปฏิบัติการของ Attribution Reporting API ควรเป็นแพ็กเกจแอป ไม่ใช่ URL
    Attribution-Reporting-Register-Source: {
        "source_event_id":"123001",
        "destination":"android-app://com.example.advertiser",
        "web_destination": "https://example.advertiser"
        ...
    }
    
    • ส่วนถัดไปเกี่ยวกับการรายงานแบบหยาบจะอธิบายว่าการใช้ปลายทางแบบคู่อาจส่งผลต่อสัญญาณรบกวนในรายงานอย่างไร
  2. ใช้การรายงานแบบหยาบเพื่อลดสัญญาณรบกวนในรายงานระดับเหตุการณ์สําหรับแหล่งที่มาปลายทางแบบคู่ ดังนี้

    • หากมีการระบุทั้งระบบปฏิบัติการ (แอป) และปลายทางของเว็บในการลงทะเบียนแหล่งที่มา รายงานระดับเหตุการณ์จะระบุว่าทริกเกอร์เกิดขึ้นในปลายทางของเว็บหรือปลายทางของแอปโดยค่าเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ระบบจะเพิ่มสัญญาณรบกวนเพิ่มเติมลงในรายงานเหล่านี้เพื่อรักษาขีดจํากัดด้านความเป็นส่วนตัว
    • ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโฆษณาสามารถใช้ช่อง coarse_event_report_destinations ในส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-Source เพื่อเปิดการรายงานแบบหยาบและลดสัญญาณรบกวน หากแหล่งที่มาที่มีcoarse_event_report_destinations ช่องที่ระบุไว้ได้รับการระบุแหล่งที่มา รายงานที่ออกมาจะมีทั้งปลายทางแอปและปลายทางเว็บโดยไม่แยกแยะว่าทริกเกอร์จริงเกิดขึ้นที่ใด แต่จะมีข้อมูลรบกวนน้อยกว่ารายงานที่ระบุปลายทางแอปหรือปลายทางเว็บ
    • รายงานรวมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

สําหรับแอปที่ใช้ Chrome Custom Tab

แอปบางแอปอาจใช้แท็บที่กำหนดเองเพื่อแสดงผลเนื้อหาเว็บ แท็บที่กําหนดเองจะทํางานคล้ายกับหน้าเว็บปกติเมื่อวัดในแอปและเว็บไซต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่

  1. ลงทะเบียนแหล่งที่มาของแอปและทริกเกอร์แท็บที่กำหนดเอง

  2. ลงทะเบียนแหล่งที่มาของแท็บที่กำหนดเองและทริกเกอร์แอป โดยทำดังนี้

  3. ลงทะเบียนแหล่งที่มาของ CCT และทริกเกอร์ CCT

สําหรับแอปที่ใช้ WebView

แอปบางแอปอาจใช้ WebView เพื่อแสดงเนื้อหา WebView มีกรณีการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การแสดงผลโฆษณา โฮสติ้งเนื้อหาเว็บ หรือฟีเจอร์แอปที่กําหนดเองซึ่งเหมาะกับรูปแบบเว็บมากกว่า

  1. หากต้องการอนุญาตให้ WebView ใช้ Attribution Reporting API คุณต้องกําหนดค่าแอปที่ฝังด้วยสิทธิ์ที่ถูกต้อง

  2. เฉพาะการระบุแหล่งที่มาระดับระบบปฏิบัติการเท่านั้นที่ใช้ได้ใน WebView ส่วนหัว Attribution-Reporting-Support จะแสดงเฉพาะระบบปฏิบัติการ และแสดงก็ต่อเมื่อ Attribution Reporting API ของ Android พร้อมใช้งานเท่านั้น

  3. เมื่อมอบสิทธิ์ให้ระบบปฏิบัติการ WebView อาจใช้ registerSource หรือ registerWebSource และ registerTrigger หรือ registerWebTrigger แอปที่แสดงผล WebView จะเป็นผู้กำหนดว่า WebView จะใช้เมธอดใด โดยพิจารณาเป็น WebView แต่ละรายการ

    • ความแตกต่างระหว่าง registerSource กับ registerWebSource คือแหล่งที่มาที่บันทึกเป็นผู้เผยแพร่โฆษณา เมื่อใช้ registerSource ระบบจะบันทึกแอปเป็นผู้เผยแพร่โฆษณา ตัวอย่างกรณีที่ควรใช้ registerSource คือแอปของผู้เผยแพร่โฆษณาที่แสดงโฆษณาที่แสดงผลโดยใช้ WebView เมื่อใช้ registerWebSource ระบบจะบันทึกเว็บไซต์ที่โฮสต์ใน WebView เป็นผู้เผยแพร่โฆษณา ตัวอย่างกรณีที่ควรใช้ registerWebSource คือแอปที่โฮสต์ WebView และเว็บไซต์ที่ WebView แสดงผลอยู่แสดงโฆษณา registerTrigger และ registerWebTrigger มีลักษณะการทำงานคล้ายกัน แผนภูมิในรายการที่ 3 แสดงรายละเอียดสถานการณ์ต่างๆ เมื่อนักพัฒนาแอปหรือ SDK ต้องการกำหนดค่า API ให้ใช้ registerSource หรือ registerWebSource และ registerTrigger หรือ registerWebTrigger
    • โดยค่าเริ่มต้น WebView จะใช้ registerSource และ registerWebTrigger เมื่อเรียกใช้ Attribution Reporting API ของ Android ซึ่งจะเชื่อมโยงแหล่งที่มากับแอปและทริกเกอร์กับต้นทางระดับบนสุดของ URL ใน WebView เมื่อทริกเกอร์เกิดขึ้น
      • หากแอปต้องการลักษณะการทํางานที่แตกต่างออกไป แอปจะต้องใช้เมธอดใหม่ setAttributionRegistrationBehavior ในคลาส androidx.webkit.WebViewSettingsCompat เมธอดนี้จะระบุว่า WebView ควรเรียกใช้ registerWebSource() หรือ registerWebTrigger() แทน registerSource() หรือ registerTrigger() หรือไม่

      • คุณจะต้องตั้งค่าลักษณะการทํางานนี้สําหรับ WebView แต่ละรายการที่เริ่มต้น

      • หาก SDK เทคโนโลยีโฆษณาเริ่มต้น WebView ไว้ SDK จะต้องตั้งค่าลักษณะการทํางานนี้เป็นค่าเริ่มต้น

      • สำหรับแอปที่ต้องการใช้ registerWebSource() เพื่อเชื่อมโยงการลงทะเบียนแหล่งที่มากับเว็บไซต์ใน WebView แทนแอป แอปดังกล่าวต้องเข้าร่วมรายการที่อนุญาตของ WebApp กรอกแบบฟอร์มนี้เพื่อเข้าร่วมรายการที่อนุญาต เจตนาของรายการที่อนุญาตคือการลดข้อควรพิจารณาด้านความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการสร้างการเชื่อถือสำหรับบริบทของเว็บ

      ค่า คำอธิบาย ตัวอย่าง Use Case
      APP_SOURCE_AND_WEB_TRIGGER (ค่าเริ่มต้น) อนุญาตให้แอปลงทะเบียนแหล่งที่มาของแอป (แหล่งที่มาที่เชื่อมโยงกับชื่อแพ็กเกจแอป) และทริกเกอร์ของเว็บ (ทริกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับ eTLD+1) จาก WebView แอปที่ใช้ WebView เพื่อแสดงโฆษณาแทนที่จะเปิดใช้การท่องเว็บ
      WEB_SOURCE_AND_WEB_TRIGGER อนุญาตให้แอปลงทะเบียนแหล่งที่มาของเว็บและทริกเกอร์ของเว็บจาก WebView แอปเบราว์เซอร์ที่ใช้ WebView ซึ่งทั้งการแสดงโฆษณาและ Conversion อาจเกิดขึ้นในเว็บไซต์ใน WebView
      APP_SOURCE_AND_APP_TRIGGER อนุญาตให้แอปลงทะเบียนแหล่งที่มาของแอปและทริกเกอร์ของแอปจาก WebView แอปที่ทำงานบน WebView ซึ่งการแสดงโฆษณาและ Conversion ควรเชื่อมโยงกับแอปเสมอ ไม่ใช่ eTLD+1 ของ WebView
      ปิดใช้อยู่ ปิดใช้การลงทะเบียนแหล่งที่มาและทริกเกอร์จาก WebView
    1. แหล่งที่มาและการลงทะเบียนทริกเกอร์จาก WebView
    2. เทคโนโลยีโฆษณาควรตอบกลับการลงทะเบียนแหล่งที่มาโดยใช้ส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-OS-Source การดำเนินการนี้จะเรียก registerSource() หรือ registerWebSource() ด้วยระบบปฏิบัติการและเริ่มการเรียก API รองจาก Android Attribution Reporting API ไปยัง URI ของเทคโนโลยีโฆษณา โดยอิงตามลักษณะการทำงานที่กำหนดไว้สำหรับ WebView

      • ปลายทางของเทคโนโลยีโฆษณาควรตอบกลับคําขอ Android Attribution Reporting API ด้วยส่วนหัวการตอบกลับเพื่อลงทะเบียนแหล่งที่มาให้เสร็จสมบูรณ์
       Attribution-Reporting-Register-OS-Source: {
        "source_event_id":"123001",
        "destination":"android-app://com.example.advertiser",
        ...
      }
      
    3. ส่วนที่เหลือของการลงทะเบียนแหล่งที่มาจะยังคงเหมือนเดิม

    4. เทคโนโลยีโฆษณาควรตอบสนองต่อการลงทะเบียนทริกเกอร์โดยใช้ส่วนหัว Attribution-Reporting-Register-OS-Trigger การดำเนินการนี้จะเรียก registerTrigger() หรือ registerWebTrigger() ด้วยระบบปฏิบัติการตามลักษณะการทำงานที่กำหนดไว้สำหรับ WebView และเริ่มการเรียก API รองจาก Rb ไปยัง URI ของเทคโนโลยีโฆษณา

    5. ปลายทางของเทคโนโลยีโฆษณาควรตอบกลับคําขอ Attribution Reporting API ของ Android ด้วยส่วนหัวของการตอบกลับเพื่อลงทะเบียนทริกเกอร์ให้เสร็จสมบูรณ์

    Attribution-Reporting-Register-OS-Trigger: {
        "event_trigger_data": [{"trigger_data":"1"}],
        "aggregatable_trigger_data": [
            {"key_piece":"0x400","source_keys":["campaignCounts"]},
            {"key_piece":"0xA80","source_keys":["geoValue"]}
        ],
        ...
    }
    

แก้ไขข้อบกพร่อง

เมื่อตั้งค่าการติดตั้งใช้งานแอปในเว็บ เราขอแนะนําให้ตั้งค่ารายงานการแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อยืนยันว่ามีการลงทะเบียนแหล่งที่มาและทริกเกอร์อย่างถูกต้องหรือไม่ และหากไม่ได้ลงทะเบียน คุณจะรับข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุได้

ดูขั้นตอนการแก้ไขข้อบกพร่องทั่วไปของการรายงานการระบุแหล่งที่มาได้ที่ตำราการแก้ไขข้อบกพร่อง