คอลเล็กชันผลิตภัณฑ์ช่วยให้คุณกำหนดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จะใช้กับรูปแบบที่เป็นสื่อสมบูรณ์ เช่น รูปภาพที่ทำการซื้อได้ ทั้งนี้แต่ละคอลเล็กชันจะมีผลิตภัณฑ์ได้สูงสุด 100 รายการ คุณจะสร้างคอลเล็กชันด้วย Google Merchant Center หรือ Content API ก็ได้
คู่มือนี้จะแสดงวิธีใช้คอลเล็กชันผลิตภัณฑ์ผ่าน Content API รวมถึงตัวอย่างวิธีสร้างคอลเล็กชันสำหรับรูปภาพที่ทำการซื้อได้ และวิธีตรวจสอบสถานะของคอลเล็กชัน
ใช้คอลเล็กชันผลิตภัณฑ์
Content API ประกอบด้วยบริการ 2 อย่างในการจัดการคอลเล็กชันผลิตภัณฑ์ ดังนี้
collections
: ให้คุณใช้ แสดงรายการ แทรก และลบคอลเล็กชันผลิตภัณฑ์collectionstatuses
: ให้คุณดูและแสดงสถานะของคอลเล็กชันเพื่อดูว่าคอลเล็กชันมีปัญหาที่อาจทําให้คอลเล็กชันไม่ถูกต้องในปลายทางหรือไม่ เช่น โฆษณา Shopping
ตัวอย่าง: สร้างคอลเล็กชันสำหรับรูปภาพที่ทำการซื้อได้
รูปภาพที่ทำการซื้อได้คือรูปภาพคุณภาพสูงซึ่งแสดงผลิตภัณฑ์ที่มีคำอธิบายประกอบอย่างน้อย 1 รายการ และมีการกำหนดค่าโดยใช้คอลเล็กชัน หากต้องการใช้รูปภาพที่ทำการซื้อได้ คุณต้องระบุค่าสำหรับช่อง imageLink
และ featuredProduct
นอกเหนือจากช่องที่ต้องระบุสำหรับคอลเล็กชันทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องที่ต้องกรอกได้ในเอกสารอ้างอิง Content API
หากต้องการใช้รูปภาพที่ทำการซื้อได้ คุณต้องสร้างคอลเล็กชันของผลิตภัณฑ์และใช้ช่อง imageLink
เพื่อระบุรูปภาพที่มีผลิตภัณฑ์สูงสุด 10 รายการ เราขอแนะนำให้ใช้รูปภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส (ที่มีสัดส่วนภาพ 1:1)
นอกจากนี้ คุณจะต้องระบุผลิตภัณฑ์ที่แสดงในรูปภาพโดยใช้ช่อง featuredProduct
รวมทั้งพิกัดของผลิตภัณฑ์ในรูปภาพโดยใช้ช่อง x
และ y
ช่องเหล่านี้ต้องระบุสำหรับคอลเล็กชัน
ที่ใช้กับรูปภาพที่ทำการซื้อได้เท่านั้น ค่า x
และ y
ต้องอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1
ทั้งนี้แต่ละคอลเล็กชันจะมีผลิตภัณฑ์ได้สูงสุด 100 รายการ อย่างไรก็ตาม สำหรับรูปภาพที่ทำการซื้อได้ เราขอแนะนำให้คุณระบุพิกัดสำหรับผลิตภัณฑ์ไม่เกิน 10 ชิ้นต่อภาพ เพื่อให้แน่ใจว่ารูปภาพมีพื้นที่ว่างเพียงพอที่จะแสดงไฮไลต์ของผลิตภัณฑ์ ช่อง offerId
ที่เป็นส่วนหนึ่งของออบเจ็กต์ featuredProduct
ต้องตรงกับค่า offerId
ในทรัพยากร products
ซึ่งแตกต่างจากค่า id
ในทรัพยากร products
นอกเหนือจากช่อง imageLink
และ featuredProduct
ที่จำเป็นสำหรับรูปภาพที่ทำการซื้อได้แล้ว คุณยังระบุบรรทัดแรกของคอลเล็กชันโดยใช้ช่อง headline
ที่ไม่บังคับได้ด้วย เราขอแนะนำให้ใส่บรรทัดแรกเพื่อบอก
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอลเล็กชันแก่ลูกค้า
หากต้องการสร้างคอลเล็กชันใหม่สำหรับรูปภาพที่ทำการซื้อได้ ให้ส่งคำขอ POST
ไปยังปลายทาง collections.insert
โดยใช้ URL และเนื้อหาคำขอต่อไปนี้
https://shoppingcontent.googleapis.com/content/v2.1/merchantId/collections
{
"id": "exampleCollection"
"language": "en",
"productCountry": "UK",
"imageLink": ["www.imageLink.example"],
"featuredProduct": [
{
"offerId": '432',
"x": 0.11,
"y": 0.99
},
{ "offerId": '433',
"x": 0.53,
"y": 0.89
}
],
"link": "www.link.example",
"mobileLink": "www.mobileLink.example",
"headline": "www.link.example",
"customLabel0": "Organize",
"customLabel1": "Your",
"customLabel2": "Bidding/Reporting",
"customLabel3": "With",
"customLabel4": "Me"
}
ตัวอย่าง: ตรวจสอบสถานะของคอลเล็กชัน
หากต้องการทราบว่าคอลเล็กชันที่คุณสร้างด้านบนมีปัญหาที่ทำให้คอลเล็กชันไม่แสดงโฆษณาหรือไม่ ให้ส่งคำขอ GET
ไปยังปลายทาง collectionsstatuses.get
โดยใช้ URL ต่อไปนี้ และใส่ id
ของคอลเล็กชันที่คุณต้องการเรียกดูสถานะ คุณไม่จำเป็นต้องใส่เนื้อหาคำขอ
https://shoppingcontent.googleapis.com/content/v2.1/merchantID/collectionstatuses/collection ID
ตัวอย่างการตอบกลับสถานะคอลเล็กชัน
{
"id": "exampleCollection",
"creationDate": "2020-09-22T00:26:51Z",
"lastUpdateDate": "2020-09-22T00:26:51Z",
"collectionLevelIssues": [
{
"code": "invalid_url",
"servability": "unaffected",
"resolution": "merchant_action",
"attributeName": "link",
"description": "Invalid URL [link]",
"detail": "Use a complete URL that starts with http:// or https:// and
links to a valid destination such as an image or a landing page",
"documentation": "https://support.google.com/merchants/answer/7052112"
},
{
"code": "invalid_url",
"servability": "unaffected",
"resolution": "merchant_action",
"attributeName": "imageLink",
"description": "Invalid URL [imageLink]",
"detail": "Use a complete URL that starts with http:// or https:// and
links to a valid destination such as an image or a landing page",
"documentation": "https://support.google.com/merchants/answer/7052112"
}
]
}