Discover และเว็บไซต์ของคุณ

Discover เป็นส่วนหนึ่งของ Google Search ที่แสดงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้โดยอิงจากกิจกรรมบนเว็บและแอป หน้านี้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เนื้อหาอาจปรากฏใน Discover และแนวทางปฏิบัติแนะนำเพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์พิจารณา

ลักษณะที่ Discover ปรากฏในโทรศัพท์

ลักษณะที่เนื้อหาแสดงใน Discover

เนื้อหาจะมีสิทธิ์แสดงใน Discover โดยอัตโนมัติหาก Google จัดทำดัชนีไว้และเป็นไปตามนโยบายเนื้อหาของ Discover โดยไม่จำเป็นต้องมีแท็กพิเศษหรือข้อมูลที่มีโครงสร้าง โปรดทราบว่าการมีสิทธิ์แสดงใน Discover ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะได้แสดง

เนื้อหาที่อาจปรากฏใน Discover ประกอบด้วยหัวข้อที่หลากหลายและสอดคล้องกับความสนใจของบุคคล เนื้อหาเก่าๆ อาจปรากฏหากเนื้อหานั้นมีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับบุคคลตามความสนใจ

เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ Google Search, Discover จะใช้ประโยชน์จากสัญญาณและระบบเดียวกันกับที่ Search ใช้ในการระบุว่าเนื้อหาใดเป็นประโยชน์และคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ต้องการประสบความสําเร็จกับ Discover ควรอ่านคำแนะนําเกี่ยวกับการสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ เชื่อถือได้ และคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก

หากต้องการเพิ่มโอกาสที่เนื้อหาของคุณจะปรากฏใน Discover เราขอแนะนำดังนี้

  • ใช้ชื่อหน้าเว็บที่สรุปสาระสำคัญของเนื้อหา แต่ไม่มีลักษณะเป็นคลิกเบต
  • ใส่รูปภาพคุณภาพสูงที่ดึงดูดใจไว้ในเนื้อหา โดยเฉพาะรูปภาพขนาดใหญ่ที่น่าจะทำให้เกิดการเข้าชมจาก Discover รูปภาพขนาดใหญ่ต้องมีความกว้างอย่างน้อย 1200 พิกเซลและเปิดใช้ด้วยการตั้งค่า max-image-preview:large หรือโดยใช้ AMP หลีกเลี่ยงการใช้โลโก้ของเว็บไซต์เป็นรูปภาพ
  • หลีกเลี่ยงกลยุทธ์ในการเพิ่มการมีส่วนร่วมที่สูงเกินจริงโดยใช้รายละเอียดที่ทำให้เข้าใจผิดหรือเกินจริงในเนื้อหาตัวอย่าง (ชื่อ ตัวอย่าง หรือรูปภาพ) เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ หรือโดยไม่ระบุข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการทำความเข้าใจสาระของเนื้อหา
  • หลีกเลี่ยงกลยุทธ์ที่ดึงดูดความสนใจโดยตอบสนองต่อความสงสัยใคร่รู้ในเรื่องที่น่ากลัว ความตื่นเต้น หรือความเจ็บแค้น
  • มีเนื้อหาที่สอดคล้องกับความสนใจในปัจจุบัน บอกเล่าเรื่องราวได้ดี หรือให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่ซ้ำใคร

Discover ต้องการนำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับฟีดที่อิงตามความสนใจ เช่น บทความและวิดีโอ ตลอดจนกรองเนื้อหาซึ่งไม่เป็นที่ต้องการหรือเนื้อหาที่อาจทำให้ผู้อ่านสับสนออก เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น Discover อาจไม่แนะนำใบสมัครงาน การร้องเรียน แบบฟอร์ม ที่เก็บโค้ด หรือเนื้อหาเสียดสีที่ไม่มีบริบท Discover ใช้ประโยชน์ของSafeSearchเพื่อกรองเนื้อหาที่อาจสร้างความตกใจหรือคาดไม่ถึงออกไป

ฟีเจอร์การติดตามและเว็บไซต์

ฟีเจอร์การติดตามช่วยให้ผู้ใช้ติดตามเว็บไซต์และรับข้อมูลอัปเดตล่าสุดจากเว็บไซต์นั้นได้ในแท็บกําลังติดตามภายใน Discover ใน Chrome ขณะนี้ปุ่ม "ติดตาม" เป็นฟีเจอร์ที่พร้อมให้บริการสำหรับผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้เป็นภาษาอังกฤษในสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลียที่ใช้ Chrome Android และมีให้สําหรับผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้เป็นภาษาอังกฤษในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ Chrome บน iOS

ปุ่ม "ติดตาม" ใน Chrome และแท็บ "กําลังติดตาม"ใน Discover

โดยค่าเริ่มต้น ฟีเจอร์การติดตามจะใช้ฟีด RSS หรือ Atom ในเว็บไซต์ แต่หากไม่พบฟีดเหล่านี้ Google จะสร้างฟีดให้กับทั้งโดเมนโดยอัตโนมัติโดยพิจารณาจากลักษณะของเว็บไซต์ หากในเว็บไซต์มีฟีดอย่างน้อย 1 รายการ คุณสามารถปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานการติดตามได้โดยแจ้งให้ Google ทราบอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ผู้ใช้ติดตามฟีดใดสำหรับหน้าของเว็บไซต์หน้านั้น

เพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บสําหรับฟีเจอร์การติดตาม

เพื่อช่วยให้ Google ทราบว่าคุณต้องการให้ผู้ใช้ติดตามฟีดใดสำหรับหน้านั้นๆ ให้ลิงก์ ฟีด RSS หรือ Atom ของคุณในส่วน <head> ของหน้าฮับและหน้ารายละเอียด

RSS

<link rel="alternate" type="application/rss+xml" href="https://example.com/rssfeed">

Atom

<link rel="alternate" type="application/atom+xml" href="https://example.com/atom-feed">

เช่น องค์ประกอบ <link> นี้จะอยู่ในหน้า Landing Page ของบล็อก Google Search Central (หน้าฮับ) และในหน้าบล็อกโพสต์แต่ละหน้า (หน้ารายละเอียด)

หน้าฮับ

<html>
  <head>
    <link rel="alternate" type="application/rss+xml" href="https://feeds.feedburner.com/blogspot/amDG" />
  </head>
  <body>
    <h1>Google Search Central Blog</h1>
  </body>
</html>

หน้ารายละเอียด

<html>
  <head>
    <link rel="alternate" type="application/rss+xml" href="https://feeds.feedburner.com/blogspot/amDG" />
  </head>
  <body>
    <h1>A new way to enable video key moments in Search</h1>
  </body>
</html>

หลักเกณฑ์เกี่ยวกับฟีด

ทําตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้เพื่อให้ Google พบและเข้าใจฟีด RSS หรือ Atom ของคุณ

  • อย่าบล็อกฟีดด้วยไฟล์ robots.txt
  • ตรวจสอบว่าฟีดเป็นข้อมูลล่าสุดอย่างที่ทำกับไฟล์ Sitemap
  • เนื้อหาที่สําคัญที่สุดสําหรับฟีเจอร์ "ติดตาม" คือองค์ประกอบ <title> และองค์ประกอบ <link> ต่อรายการของฟีด ตรวจสอบว่าฟีดมีองค์ประกอบเหล่านี้
  • ใช้ชื่อสั้นๆ แต่สื่อความหมายสําหรับฟีด RSS เหมือนที่ทำกับหน้าเว็บ
    แนะนำ: Google Search Central Blog
    ไม่แนะนำ: RSS Feed หรือ Central Blog
  • คุณโฮสต์ฟีดไว้ที่อื่นที่ไม่ใช่โดเมนของคุณได้ ซึ่ง Google รองรับวิธีการนี้
  • หากเปลี่ยนเส้นทางฟีด ให้ใช้รหัสสถานะ HTTP 3xx (redirects) เพื่อให้ Google ติดตามได้

การระบุฟีดหลายรายการ

หากมีหลายฟีดในเว็บไซต์ (เช่น เว็บไซต์ข่าวที่มีฟีด RSS สําหรับหน้าแรก ส่วนธุรกิจ และเทคโนโลยี) เราขอแนะนําให้คุณเพิ่มเอลิเมนต์ <link> ลงในฟีดเดียวที่เหมาะสมสําหรับหน้านั้น ถ้าเป็นฟีดเดียวจะดูแลรักษาได้ง่ายกว่าและทําให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นเมื่อสมัครรับเนื้อหาของคุณ เช่น หากเป็นบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยี ให้ระบุฟีดเทคโนโลยีในองค์ประกอบ <link>

<html>
  <head>
    <link rel="alternate" type="application/rss+xml" href="https://example.com/technology/feed/" />
  </head>
  <body>
    <h1>What's next for Technology in 2022</h1>
  </body>
</html>

หรือจะเพิ่มหลายๆ ฟีดตามลําดับที่ต้องการก็ได้ เช่น คุณอาจต้องการให้ผู้ใช้ติดตามฟีดสําหรับหน้าแรก ส่วนธุรกิจ และเทคโนโลยีตามลําดับ Google ใช้ข้อมูลนี้เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับการใช้ฟีดหลายรายการทั่วทั้งเว็บไซต์

<html>
  <head>
    <link rel="alternate" type="application/rss+xml" href="https://example.com/feed/" />
    <link rel="alternate" type="application/rss+xml" href="https://example.com/business/feed/" />
    <link rel="alternate" type="application/rss+xml" href="https://example.com/technology/feed/" />
  </head>
  <body>
    <h1>What's next for Business and Technology in 2022</h1>
  </body>
</html>

สาเหตุที่การเข้าชม Discover อาจเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป

การเข้าชมจาก Discover คาดการณ์หรือเชื่อถือได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเข้าชมจากการค้นหาที่ใช้คีย์เวิร์ด ด้วยเหตุผลที่เป็นแบบค้นพบโดยบังเอิญ คุณจึงควรถือว่าการเข้าชมจาก Discover เป็นส่วนเสริมจากการเข้าชมจากการค้นหาที่มาจากคีย์เวิร์ด สาเหตุบางประการที่การเข้าชม Discover อาจผันผวนมีดังนี้

  • การเปลี่ยนแปลงความสนใจ: Discover ได้รับการออกแบบและปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อแสดงเนื้อหาที่สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้คนสนใจ ซึ่งบางส่วนอาจอิงตามกิจกรรมการค้นหาของบุคคลนั้น หากผู้ชมไม่สนใจหัวข้อหนึ่งๆ อีกต่อไป ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการค้นหาที่ลดลง ฟีด Discover อาจแสดงเนื้อหาอื่นๆ ที่พวกเขาสนใจมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงอาจทำให้การเข้าชมของผู้เผยแพร่โฆษณามีการเปลี่ยนแปลง
  • ประเภทเนื้อหา: Discover ยังคงปรับเปลี่ยนประเภทเนื้อหาที่อาจจะปรากฏในฟีดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ใช้มองหามากขึ้น โดยปกติแล้ว Discover จะแสดงเนื้อหา ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเนื้อหาเกี่ยวกับกีฬา สุขภาพ ความบันเทิง และไลฟ์สไตล์จากเว็บสาธารณะ
  • การอัปเดต Google Search: เรายังอัปเดต Search เป็นระยะเพื่อให้ลิงก์ไปยังเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ให้ผู้คนได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจาก Discover เป็นส่วนขยายของ Search บางครั้งการอัปเดตจึงอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงของการเข้าชม หากคุณสังเกตเห็นว่าประสิทธิภาพของเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการอัปเดต หน้าต่อไปนี้อาจมีประโยชน์สำหรับคุณ

ตรวจสอบประสิทธิภาพของคุณใน Discover

หากมีเนื้อหาใน Discover คุณจะตรวจสอบประสิทธิภาพได้โดยใช้รายงานประสิทธิภาพสำหรับ Discover รายงานนี้แสดงจำนวนการแสดงผล การคลิก และ CTR สำหรับเนื้อหาใดก็ตามที่ปรากฏใน Discover ในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา ตราบใดที่ข้อมูลของคุณถึงเกณฑ์การแสดงผลขั้นต่ำ รายงานประสิทธิภาพของ Discover รวมการเข้าชมจาก Chrome และติดตามการเข้าชมจาก Discover ของเว็บไซต์อย่างเต็มรูปแบบในทุกแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้โต้ตอบกับ Discover ซึ่งรวมถึงการแสดงผลและการคลิกจากแท็บ "กำลังติดตาม"