Place Photos (ใหม่) ช่วยให้คุณเพิ่มเนื้อหาภาพถ่ายคุณภาพสูงลงในแอปพลิเคชันได้ รูปภาพสถานที่ช่วยให้คุณเข้าถึงรูปภาพนับล้านที่จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลสถานที่ รูปภาพของสถานที่จะแสดงผล URI ไปยังรูปภาพบิตแมป บิตแมป มีขนาดสูงสุด 4800 x 4800 พิกเซล
คำขอรูปภาพสถานที่
วิธีดึงรูปภาพสำหรับสถานที่
- ใช้รายละเอียดสถานที่ (ใหม่) เพื่อดึงข้อมูลออบเจ็กต์
Place
โดยใช้fetchPlace()
อย่าลืมใส่Place.Field PHOTO_METADATAS
ฟิลด์ในรายการฟิลด์ที่จะ รวมไว้ในออบเจ็กต์การตอบกลับPlace
- ใน
OnSuccessListener
สำหรับFetchPlaceResponse
ให้เรียกใช้Place.getPhotoMetadas()
เพื่อรับออบเจ็กต์ข้อมูลเมตาของรูปภาพประเภทPhotoMetadata
จากออบเจ็กต์การตอบกลับPlace
- สร้างออบเจ็กต์
FetchResolvedPhotoUriRequest
เพื่อส่งคำขอและส่งออบเจ็กต์ข้อมูลเมตาของรูปภาพ รวมถึงค่าสำหรับความสูงสูงสุด ความกว้างสูงสุด หรือทั้ง 2 อย่าง - ใช้
PlacesClient.fetchResolvedPhotoUri()
เพื่อขอ URI ของรูปภาพ - เพิ่ม
OnSuccessListener
และรับ URI ของรูปภาพจากออบเจ็กต์FetchResolvedPhotoUriResponse
พารามิเตอร์ที่จำเป็น
พารามิเตอร์ที่จำเป็นสำหรับ
FetchResolvedPhotoUriRequest
คือ
-
ข้อมูลเมตาของรูปภาพ
ออบเจ็กต์ข้อมูลเมตาของรูปภาพที่จะแสดง
-
ความสูงสูงสุดหรือความกว้างสูงสุด
ระบุความสูงและความกว้างสูงสุดของรูปภาพที่จะแสดงเป็นพิกเซล หากรูปภาพมีขนาดเล็กกว่าค่าที่ระบุ ระบบจะแสดงผลรูปภาพต้นฉบับ หากรูปภาพมีขนาดใหญ่กว่าในมิติใดมิติหนึ่ง ระบบจะปรับขนาดให้ตรงกับมิติที่เล็กกว่าใน 2 มิตินั้น โดยจำกัดไว้ที่อัตราส่วนภาพเดิม ทั้งพร็อพเพอร์ตี้ความสูงสูงสุดและความกว้างสูงสุดยอมรับจำนวนเต็มระหว่าง 1 ถึง 4800 คุณต้องระบุความสูงสูงสุด ความกว้างสูงสุด หรือทั้ง 2 อย่าง
- หากต้องการตั้งค่าพารามิเตอร์ความสูงสูงสุด ให้เรียกใช้เมธอด
setMaxHeight()
เมื่อสร้างออบเจ็กต์FetchResolvedPhotoUriRequest
- หากต้องการตั้งค่าพารามิเตอร์ความกว้างสูงสุด ให้เรียกใช้เมธอด
setMaxWidth()
เมื่อสร้างออบเจ็กต์FetchResolvedPhotoUriRequest
- หากต้องการตั้งค่าพารามิเตอร์ความสูงสูงสุด ให้เรียกใช้เมธอด
ตัวอย่างรูปภาพสถานที่
ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงการรับ URI ของรูปภาพสถานที่
// Define a Place ID. final String placeId = "INSERT_PLACE_ID_HERE"; // Specify fields. Requests for photos must always have the PHOTO_METADATAS field. final List<Place.Field> fields = Collections.singletonList(Place.Field.PHOTO_METADATAS); // Get a Place object (this example uses fetchPlace(), but you can also use findCurrentPlace()) final FetchPlaceRequest placeRequest = FetchPlaceRequest.newInstance(placeId, fields); placesClient.fetchPlace(placeRequest).addOnSuccessListener((response) -> { final Place place = response.getPlace(); // Get the photo metadata. final List<PhotoMetadata> metadata = place.getPhotoMetadatas(); if (metadata == null || metadata.isEmpty()) { Log.w(TAG, "No photo metadata."); return; } final PhotoMetadata photoMetadata = metadata.get(0); // Get the attribution text and author attributions. final String attributions = photoMetadata.getAttributions(); final AuthorAttributions authorAttributions = photoMetadata.getAuthorAttributions(); // Create a FetchResolvedPhotoUriRequest. final FetchResolvedPhotoUriRequest photoRequest = FetchResolvedPhotoUriRequest.builder(photoMetadata) .setMaxWidth(500) .setMaxHeight(300) .build(); // Request the photo URI placesClient.fetchResolvedPhotoUri(photoRequest).addOnSuccessListener((fetchResolvedPhotoUriResponse) -> { Uri uri = fetchResolvedPhotoUriResponse.getUri(); RequestOptions requestOptions = new RequestOptions().override(Target.SIZE_ORIGINAL); Glide.with(this).load(uri).apply(requestOptions).into(imageView); }).addOnFailureListener((exception) -> { if (exception instanceof ApiException) { final ApiException apiException = (ApiException) exception; Log.e(TAG, "Place not found: " + exception.getMessage()); final int statusCode = apiException.getStatusCode(); // TODO: Handle error with given status code. } }); });
การระบุแหล่งที่มา
ในกรณีส่วนใหญ่ คุณสามารถใช้รูปภาพสถานที่ได้โดยไม่ต้องระบุแหล่งที่มา หรือรูปภาพจะมี
การระบุแหล่งที่มาที่จำเป็นเป็นส่วนหนึ่งของรูปภาพ อย่างไรก็ตาม ออบเจ็กต์ข้อมูลเมตาของรูปภาพประเภท
PhotoMetadata
อาจมีการระบุแหล่งที่มาเพิ่มเติม 2 ประเภทต่อไปนี้
- การระบุแหล่งที่มา ซึ่งเป็นสตริงการระบุแหล่งที่มาที่เข้าถึงได้โดย
PhotoMetadata.getAttributions()
- AuthorAttributions ซึ่งเป็นออบเจ็กต์
AuthorAttributions
ที่เข้าถึงได้โดยPhotoMetadata.getAuthorAttributions()
หากออบเจ็กต์ PhotoMetadata
ที่แสดงผลมีแหล่งที่มาประเภทใดประเภทหนึ่ง คุณต้อง
ใส่แหล่งที่มาในแอปพลิเคชันทุกที่ที่แสดงรูปภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การแสดงการระบุแหล่งที่มา