คู่มือนี้อธิบายวิธีใช้วิธี setUp()
ในทรัพยากร Space
ของ Google Chat API เพื่อตั้งค่าพื้นที่ทำงาน Google Chat การตั้งค่าพื้นที่ทำงานจะสร้างพื้นที่ทำงานและเพิ่มผู้ใช้ที่ระบุลงในนั้น
ทรัพยากร Space
แสดงถึงตำแหน่งที่ผู้คนและแอป Chat ส่งข้อความ แชร์ไฟล์ และทำงานร่วมกันได้ พื้นที่ทำงานมีด้วยกันหลายประเภท ดังนี้
- ข้อความส่วนตัว (DM) คือการสนทนาระหว่างผู้ใช้ 2 คนหรือผู้ใช้กับแอป Chat
- แชทกลุ่มเป็นการสนทนาระหว่างผู้ใช้ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกับแอป Chat
- พื้นที่ทำงานที่มีชื่อคือสถานที่ถาวรที่ผู้คนส่งข้อความ แชร์ไฟล์ และทำงานร่วมกัน
เมื่อตั้งค่าพื้นที่ทำงาน ให้พิจารณาสิ่งต่อไปนี้
- ระบบจะเพิ่มผู้ใช้ที่โทร (ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์) ไปยังพื้นที่ทำงานโดยอัตโนมัติ คุณจึงไม่จำเป็นต้องระบุการเป็นสมาชิกของผู้ใช้ในคำขอ
- เมื่อสร้างข้อความส่วนตัว (DM) หากมี DM ระหว่างผู้ใช้ 2 ราย ระบบจะแสดง DM นั้น มิเช่นนั้น ระบบจะสร้าง DM
- เมื่อสร้างแชทเป็นกลุ่ม หากระบบไม่ได้เพิ่มสมาชิกที่ระบุในคำขอลงในแชทเป็นกลุ่มได้สำเร็จ (เช่น ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิ์) ระบบอาจสร้างแชทเป็นกลุ่มที่ว่างเปล่า (รวมถึงผู้ใช้ที่โทรเท่านั้น)
- คุณไม่สามารถตั้งค่าพื้นที่ทำงานที่มีการตอบแบบแยกชุดข้อความหรือเพิ่มบุคคลภายนอก Google Workspace ได้
- ระบบจะกรองการเป็นสมาชิกที่ซ้ำกัน (รวมถึงผู้ใช้ที่โทร) ที่ระบุไว้ในคำขอออกแทนที่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดในคำขอ
ข้อกำหนดเบื้องต้น
Node.js
- บัญชี Google Workspace รุ่น Business หรือ Enterprise ที่มีสิทธิ์เข้าถึง Google Chat
- ตั้งค่าสภาพแวดล้อมโดยทำดังนี้
- สร้างโปรเจ็กต์ Google Cloud
- กำหนดค่าหน้าจอขอความยินยอม OAuth
- เปิดใช้และกําหนดค่า Google Chat API พร้อมชื่อ ไอคอน และคําอธิบายสําหรับแอป Chat
- ติดตั้ง ไลบรารีของไคลเอ็นต์ Cloud สำหรับ Node.js
-
สร้างข้อมูลเข้าสู่ระบบรหัสไคลเอ็นต์ OAuth สําหรับแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป หากต้องการเรียกใช้ตัวอย่างในคู่มือนี้ ให้บันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบเป็นไฟล์ JSON ชื่อ
client_secrets.json
ลงในไดเรกทอรีในเครื่อง
- เลือกขอบเขตการให้สิทธิ์ที่รองรับการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้
Python
- บัญชี Google Workspace รุ่น Business หรือ Enterprise ที่มีสิทธิ์เข้าถึง Google Chat
- ตั้งค่าสภาพแวดล้อมโดยทำดังนี้
- สร้างโปรเจ็กต์ Google Cloud
- กำหนดค่าหน้าจอขอความยินยอม OAuth
- เปิดใช้และกำหนดค่า Google Chat API ด้วยชื่อ ไอคอน และคำอธิบายสำหรับแอป Chat
- ติดตั้ง Python Cloud Client Library
-
สร้างข้อมูลเข้าสู่ระบบรหัสไคลเอ็นต์ OAuth สําหรับแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป หากต้องการเรียกใช้ตัวอย่างในคู่มือนี้ ให้บันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบเป็นไฟล์ JSON ชื่อ
client_secrets.json
ลงในไดเรกทอรีในเครื่อง
- เลือกขอบเขตการให้สิทธิ์ที่รองรับการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้
Java
- บัญชี Google Workspace รุ่น Business หรือ Enterprise ที่มีสิทธิ์เข้าถึง Google Chat
- ตั้งค่าสภาพแวดล้อมโดยทำดังนี้
- สร้างโปรเจ็กต์ Google Cloud
- กำหนดค่าหน้าจอขอความยินยอม OAuth
- เปิดใช้และกําหนดค่า Google Chat API พร้อมชื่อ ไอคอน และคําอธิบายสําหรับแอป Chat
- ติดตั้ง ไลบรารีของไคลเอ็นต์ Cloud สำหรับ Java
-
สร้างข้อมูลเข้าสู่ระบบรหัสไคลเอ็นต์ OAuth สำหรับแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป หากต้องการเรียกใช้ตัวอย่างในคู่มือนี้ ให้บันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบเป็นไฟล์ JSON ชื่อ
client_secrets.json
ลงในไดเรกทอรีในเครื่อง
- เลือกขอบเขตการให้สิทธิ์ที่รองรับการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้
Apps Script
- บัญชี Google Workspace รุ่น Business หรือ Enterprise ที่มีสิทธิ์เข้าถึง Google Chat
- ตั้งค่าสภาพแวดล้อมโดยทำดังนี้
- สร้างโปรเจ็กต์ Google Cloud
- กำหนดค่าหน้าจอขอความยินยอม OAuth
- เปิดใช้และกำหนดค่า Google Chat API ด้วยชื่อ ไอคอน และคำอธิบายสำหรับแอป Chat
- สร้างโปรเจ็กต์ Apps Script แบบสแตนด์อโลน และเปิดบริการแชทขั้นสูง
- เลือกขอบเขตการให้สิทธิ์ที่รองรับการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้
ตั้งค่าพื้นที่ทำงาน
หากต้องการตั้งค่าพื้นที่ทำงาน ให้ส่งข้อมูลต่อไปนี้ในคำขอ
- ระบุขอบเขตการให้สิทธิ์
chat.spaces.create
หรือchat.spaces
- เรียกใช้เมธอด
SetUpSpace()
- ส่ง
space
เป็นอินสแตนซ์ของSpace
ที่มีช่องที่จำเป็นทั้งหมด เช่นdisplayName
หรือspaceType
- ส่ง
memberships
เป็นอาร์เรย์ของMembership
อินสแตนซ์ สำหรับแต่ละอินสแตนซ์ ให้ทำดังนี้- ระบุ
users/{user}
เพื่อเพิ่มผู้ใช้ที่เป็นบุคคลธรรมดาเป็นสมาชิกพื้นที่ทำงาน โดยที่{user}
จะเป็น{person_id}
สำหรับperson
จาก People API หรือรหัสของuser
ใน Directory API เช่น หากบุคคลใน People APIresourceName
คือpeople/123456789
คุณสามารถเพิ่มผู้ใช้ไปยังพื้นที่ทำงานได้โดยรวมการเป็นสมาชิกที่มีusers/123456789
เป็นmember.name
- ระบุ
groups/{group}
เพื่อเพิ่มกลุ่มเป็นสมาชิกพื้นที่ทำงาน โดยที่{group}
คือรหัสกลุ่มที่คุณต้องการสร้างการเป็นสมาชิก คุณสามารถเรียกข้อมูลรหัสของกลุ่มได้โดยใช้ Cloud Identity API เช่น หาก Cloud Identity API แสดงผลกลุ่มที่มีชื่อgroups/123456789
ให้ตั้งค่าmembership.groupMember.name
เป็นgroups/123456789
คุณจะเพิ่ม Google Groups ลงในแชทเป็นกลุ่มหรือ DM ไม่ได้ แต่จะเพิ่มได้ในเฉพาะพื้นที่ทำงานที่มีชื่อเท่านั้น
- ระบุ
หากต้องการสร้าง DM ระหว่างผู้ใช้ที่โทรเข้ามากับผู้ใช้ที่เป็นบุคคลธรรมดาอีกรายหนึ่ง ให้ระบุการเป็นสมาชิกของผู้ใช้ที่เป็นบุคคลธรรมดาในคำขอ
หากต้องการสร้าง DM ระหว่างผู้ใช้ที่โทรและแอปการโทร ให้ตั้งค่า space.singleUserBotDm
เป็น true
และไม่ระบุการเป็นสมาชิกใดๆ คุณสามารถใช้วิธีนี้เพื่อตั้งค่า DM ด้วยแอปการโทรเท่านั้น หากต้องการเพิ่มแอปการโทร
เป็นสมาชิกของพื้นที่ทำงานหรือ DM ที่มีอยู่ระหว่างผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์ 2 คน โปรดดูหัวข้อ
สร้างการเป็นสมาชิก
ตัวอย่างต่อไปนี้สร้างพื้นที่ทำงานที่มีชื่อและสร้างการเป็นสมาชิก 1 รายการสำหรับพื้นที่ทำงานสำหรับผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์ 2 ราย (ผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์แล้วและผู้ใช้อีก 1 ราย)
Node.js
Python
Java
Apps Script
หากต้องการเรียกใช้ตัวอย่าง ให้แทนที่ข้อมูลต่อไปนี้
DISPLAY_NAME
: ชื่อที่แสดงของพื้นที่ทำงานใหม่USER_NAME
: รหัสของผู้ใช้รายอื่นที่จะรวมการเป็นสมาชิกให้
หากต้องการไปที่พื้นที่ทำงาน ให้ใช้รหัสทรัพยากรของพื้นที่ทำงานเพื่อสร้าง URL ของพื้นที่ทำงาน
คุณดูรหัสทรัพยากรได้จากพื้นที่ทำงาน name
ในเนื้อหาคำตอบของ Google Chat ตัวอย่างเช่น หาก name
ของพื้นที่ทำงานคือ spaces/1234567
คุณจะไปที่พื้นที่ทำงานได้โดยใช้ URL ต่อไปนี้ https://mail.google.com/chat/u/0/#chat/space/1234567
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
- สร้างพื้นที่ทำงาน
- ดูรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่ทำงาน
- แสดงพื้นที่ทำงาน
- อัปเดตพื้นที่ทำงาน
- ลบพื้นที่ทำงาน
- ค้นหาพื้นที่ข้อความส่วนตัว
- กำหนดให้ผู้ใช้บางรายค้นพบพื้นที่ทำงานได้